มิติหุ้น – ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 102.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 97.26 ล้านบาท จำนวน 4.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% และมีกำไรสุทธิ 1.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 0.78 ล้านบาท จำนวน 2.14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 274%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก บริษัทรับรู้รายได้และส่งมอบงานโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีก่อน แม้ว่ารายได้ที่รับรู้ในงวดนี้จะต่ำกว่าแผนงานที่วางไว้จากการลดลงของโครงการควบคุมงานระยะสั้น แต่โดยรวมแล้วบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นในหลายโครงการ และยังสามารถควบคุมและบริหารรายจ่ายได้เป็นไปตามแผน แม้ว่าต้นทุนบุคลากรและสวัสดิการพนักงานจะเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าตอบแทนประจำปีก็ตาม
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/66 ยังคงมุ่งเน้นงานที่ปรึกษา งานบริหารโครงการ และควบคุมงานก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นอาคารเชิงพาณิชย์ อาทิ อาคารอเนกประสงค์ (Mix Used) ห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก ซึ่งมีทั้งงานก่อสร้างอาคารใหม่และปรับปรุงต่อเติม (Renovation) นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทาง และกลุ่มงานโบราณสถานและอาคารอนุรักษ์
อีกทั้ง รับรู้รายได้งานโครงการต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มงานโลตัส โครงการวิมานสุริยา พัฒนาพื้นที่แปลงที่ตั้ง โรงภาษีร้อยชักสาม โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C กลุ่มงานจากท่าอากาศยานไทย โครงการ ดิ เอ็มสเฟียร์ งานปรับปรุงพื้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ เดือนมี.ค. ประมาณ 540 ล้านบาท อีกทั้ง มีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวมประมาณ 130 ล้านบาท อาทิ งานโบราณสถานและอาคารอนุรักษ์ งานบริหารงานก่อสร้าง (cm) โครงการ Soontareeya Residence งานห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก งานรีโนเวทอาคาร และอื่นๆ สามารถดำเนินงานและทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2572 ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจสอดรับเทรนด์ Global Warming เพื่อเป็นที่ปรึกษาการก่อสร้างที่ยั่งยืน อาทิ การสรรหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การจัดทำ Bluebook เพื่อเป็นฐานข้อมูลวัสดุของงานก่อสร้าง การคำนวณก๊าซเรือนกระจกและจัดทำแผนงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน โดยบริษัทดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย สะพัฒน์ โปรเจค จำกัด ที่มีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาด้านพลังงาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถต่อยอดงานการบริการให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมและขยายไปในฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้
ขณะที่ ภาพรวมการท่องเที่ยวปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น หลังเปิดประเทศต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์จ.ภูเก็ต ที่มีมูลค่า 50-200 ล้านบาท อีกทั้งราคาที่ดินพุ่งถึง 20-30%
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามูจ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 หลัง โดยมีแผนที่จะร่วมลงทุนก่อสร้างวิลล่ากับหนึ่งใน LVMH แบรนด์ เพื่อเพิ่มมูลล่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า พร้อมทั้งปรับราคาขายเริ่มต้นที่ 350 ล้านบาท โดยตั้งเป้าปิดการขายปีนี้อย่างน้อย 1 หลัง
“บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันด้านราคา โดยประเมินว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางรายได้และผลกำไร ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 10%” ดร.พงศ์ธร กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon