มิติหุ้น – นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดยังเป็นไปตามแผน โดยมีทิศทางดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา สนับสนุนผลงานในปี 66 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 20% – 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,457.41 ล้านบาท และยังมีนโยบายรักษาความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้กำลังการผลิตใหม่ขวด PET คาดผลิตล็อตแรกปลายไตรมาส2/66 – ต้นไตรมาส 3/66 ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้ารองรับกำลังการผลิตไว้บางส่วนแล้ว
ในปี 2566 บริษัทจะใช้ 3 กลยุทธ์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย 1.การขยายช่องทางของตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกไปใน 106 ประเทศ และมีผู้แทนจำหน่าย (Distributer) ใน 41 ประเทศ, 2.การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ และ 3.การสร้างการเติบโตให้กับสินค้าใหม่ ๆ (new product Growth)
ในส่วนของตลาดส่งออก ปีนี้บริษัทมีแผนขยายผ่านช่องทางการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” เพิ่มเป็น 3,000 – 4,000 สาขา จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” แล้วจำนวน 2,000 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หากได้รับการยืนยันจะส่งผลบวกต่อยอดขายของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตลาดไปในประเทศใหม่ (New Market) ที่ไม่เคยมีสินค้าของ PLUS วางจำหน่าย บริษัทยังคงศึกษาเพื่อขยายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้านความคืบหน้าการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งโครงการโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ขนาดกำลังการผลิต 985.36 กิโลวัตต์ (kW) ขณะนี้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าใช้แล้ว และในอนาคตบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตของโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าของบริษัทได้ในอนาคต
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 244.6 ล้านบาท ลดลง 145.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ฤดูหนาวในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยาวนานกว่าปกติ กอปรกับแผนการขยายสาขาในช่องทางการจัดจำหน่ายหลักยังอยู่ระหว่างเจรจาทำให้แผนการกระจายสินค้าเลื่อนออกไป ทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ชะลอการนำเข้าจึงทำให้แผนการขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ อีกทั้งลูกค้าในประเทศจีนยังประสบปัญหาการระบาดของ COVID-19 หลังจากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการ แต่ยังไม่สามารถระบายสินค้าและกลับมาเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นจำนวน 8.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 8.2 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ลดลง 38.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 82.5 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon