TTA รายงานผลกำไรสุทธิ 215.0 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2566

139

มิติหุ้น –  บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรสุทธิ ในไตรมาสที่ 1/2566 จำนวน 215.0 ล้านบาท แม้จะประสบกับภาวะอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าลดลงและรายได้จากการขายปุ๋ยของกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรลดลง

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 44 ร้อยละ 31 ร้อยละ ร้อยละ 10 และร้อยละ ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ และมีกำไรขั้นต้น 1,093.9 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 TTA มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 43,466.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,873.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 จากสิ้นปี 2565 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด สินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น สินทรัพย์ดิจิทัล และที่ดิน อาคารและอุปกรณ์

TTA ยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 11.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ โครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.44 เท่า ณ สิ้นไตรมาส

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า  

“แม้ว่าค่าระวางเรือได้ปรับตัวลงจากปัจจัยตามฤดูกาลในไตรมาสที่ 1/2566  แต่โทรีเซน ชิปปิ้ง มีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ย 13,718 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 9,662 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 42  และเรายังคงเชื่อว่าอุตสาหกรรมสินค้าแห้งเทกองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นใน      ไตรมาสที่สอง ขณะที่เมอร์เมด มาริไทม์ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายบริการวิศวกรรมนอกชายฝั่งในพื้นที่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ และก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เช่น การได้ทำสัญญาโครงการรื้อถอนหลุมผลิตปิโตรเลียม สัญญาโครงการปิดและรื้อถอนหลุมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และสัญญาโครงการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างในกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในแถบอ่าวไทยและทะเลเหนือ เราคาดว่าในปีนี้ภาคธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนในการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งก่อนหน้านี้ Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอิสระด้านพลังงานและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ออสโล ได้รายงานว่า การใช้จ่ายของแถบตะวันออกกลางในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง (O&G) จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า จาก 33 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 เป็น 41 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 สำหรับในไตรมาสที่ 1/2566 PMTA ประสบปัญหายอดขายปุ๋ยในประเทศลดลง เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูกและเป็นช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอุปสงค์ปุ๋ยในประเทศเวียดนามจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ หากสภาพการเกษตรในปัจจุบันยังคงเหมือนเดิม ทั้งนี้ PMTA วางกลยุทธ์ที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์พิเศษและสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเป้าหมาย เพื่อขยายตลาดส่งออกในประเทศแถบแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

 

ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : ในไตรมาสที่ 1/2566 ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 925 จุด เนื่องจากแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีน รวมถึงผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการบรรเทาความแออัดของท่าเรือด้วย โดยอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์ทำสถิติสูงสุดที่ 14,703 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในช่วงปลายเดือนมีนาคม และมีค่าเฉลี่ย 10,171 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในไตรมาส 1/2566 สำหรับแนวโน้มปี 2566 มีความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน จากบทวิเคราะห์ของ Clarksons คาดการณ์การเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองที่ร้อยละ 1.8 ในหน่วยตันหรือร้อยละ 2.5 ในหน่วยตัน-ไมล์ ขณะที่การขยายกองเรือจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.4 ในหน่วยเดทเวทตัน (DWT)

 

ในไตรมาสที่ 1/2566 รายได้ค่าระวางของโทรีเซน ชิปปิ้ง อยู่ที่ 2,077.3 ล้านบาท ปรับตัวลดลง ร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากค่าระวางเรือของตลาดที่ปรับตัวลดลงจากค่าระวางเรือที่สูงเป็นพิเศษในปี 2565 และลดลงร้อยละ 31 จากไตรมาสก่อนเนื่องจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวลงจากปัจจัยตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม    โทรีเซน ชิปปิ้ง มีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ย 13,718 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิ อยู่ร้อยละ 42 ในไตรมาสที่ 1/2566 นอกจากนี้ ยังมีอัตราการใช้ประโยชน์เรือสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 และมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดอยู่ที่ 27,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 421.3 ล้านบาท ลดลง ในไตรมาสที่ 1/2566 โดย ณ สิ้นไตรมาส โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของเรือ จำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ จำนวน 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 15.0 ปี

 

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมดฯ มีรายได้ อยู่ที่ 1,479.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของงานวิศวกรรมใต้ทะเล (subsea-IRM) และงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล ในขณะที่อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 46 ในไตรมาสที่ 1/2565 เป็นร้อยละ 97 ในไตรมาสที่ 1/2566  ขณะที่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น    ร้อยละ 320 และ EBITDA อยู่ที่ 50.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยสรุป เมอร์เมดฯ มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 166.1 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 96.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2566 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นร้อยละ  37 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าสัญญาให้บริการรอส่งมอบที่แข็งแกร่ง จำนวน 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566

 

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : ในช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูกในไตรมาสที่ 1/2566 รายได้ของบริษัท พีเอ็ม   โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA อยู่ที่ 411.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการขายปุ๋ย และผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่นๆ ที่ลดลง โดยปริมาณขายปุ๋ยรวมอยู่ที่ 14.1 พันตัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 47 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการชะลอคำสั่งซื้อของผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีกในประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการปุ๋ยของผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีกจะมีการปรับตัวดึขึ้น จากการกลับมาเพิ่มสินค้าคงคลังสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกในไตรมาสที่ 2 ในส่วนของปริมาณส่งออกปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.4 พันตัน เนื่องจากปริมาณการส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศแอฟริกามีการขยายตัว

รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน เป็น 28.7 ล้านบาท เนื่องจากการขยายอาคารคลังสินค้าขนาด 10,000 ตารางเมตร และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยสรุป PMTA รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 38.8 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 26.6 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2566

 

กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) :

พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 191 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่ ในขณะที่ ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 14 สาขาทั่วประเทศ

 

กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์ :

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA   ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 89.40 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ ร้อยละ 100

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon