ลุ้นดีลเพดานหนี้นาทีสุดท้าย
ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ และประธานแมคคาร์ธีแห่งสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันประชุมกันต้นสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือกันต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ โดย รมว.คลังสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่าวันแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะผิดนัดชำระหนี้คือวันที่ 1 มิถุนายน ถ้าหากไม่มีการปรับขึ้นเพดานหนี้ ฉากทัศน์การผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ จัดเป็นเหตุการณ์ที่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมากแต่หากเกิดขึ้นแล้วจะมีผลกระทบมหาศาล ขณะที่ไม่มีผู้ใดได้ประโยชน์อย่างแท้จริง โดยผู้เกษียณอายุ ผู้พิการและบุคคลอื่นๆ ราว 66 ล้านคนต้องพึ่งพาสวัสดิการประกันสังคมรายเดือน ส่วนตลาดการเงินโลกจะปั่นป่วนรุนแรง
ในบริบทของอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งทอดเวลาเข้าใกล้เส้นตายเท่าไหร่ ความเสี่ยงของการเกิดภาวะวุ่นวายในตลาดการเงินจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยความผันผวนของตลาดที่กระชากขึ้นจะทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินตลาดเกิดใหม่รวมถึงเงินบาท ซึ่งจะหนุนค่าเงินดอลลาร์ในช่วงแรก แต่เราเชื่อว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเนื่องจากความอลหม่านในตลาดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ตัดสินใจลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ส่วนเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างจากวิกฤติเพดานหนี้เมื่อปี 2554 หรือ Government Shutdown ชั่วคราวในปี 2556 ซึ่งดอกเบี้ยเฟดอยู่ใกล้ระดับ 0% แต่ในปัจจุบันอยู่ที่ 5.00-5.25% จึงมีพื้นที่ให้ลดดอกเบี้ยได้หากจำเป็น อย่างไรก็ตาม กรณีการเพิ่มเพดานหนี้สำเร็จก่อนเส้นตาย เรามองว่าตลาดจะตอบรับค่อนข้างจำกัดเนื่องจากเป็นกรณีที่ผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดไว้แล้ว มีเพียงตลาดพันธบัตรสะท้อนความเสี่ยงผ่านการหลีกเลี่ยงตั๋วเงินคลังระยะใกล้ (กราฟด้านล่าง) แต่สินทรัพย์อื่นๆ ในภาพรวมไม่ได้บ่งชี้ถึงความกังวลมากจนเกินไป
เมื่อถึงเวลาที่ผู้นำรัฐบาลและประธานสภาผู้แทนฯ สามารถปิดดีลเพดานหนี้แล้ว ข้อตกลงดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสัดส่วน 222 ต่อ 213 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสัดส่วน 51 ต่อ 49 เสียงในวุฒิสภา หลังจากผ่านสองสภา ประธานาธิบดีไบเดนจะลงนามเพื่อให้มีผลเป็นกฎหมายได้ทันเวลา โดยในรอบนี้ถือว่าเดิมพันใหญ่หลวง ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มีขนาดเกือบ 25 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ 9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2554 สัญญาทั่วโลกหลายล้านรายการเชื่อมโยงกับพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่การลดการใช้จ่ายในวันนี้มีความจำเป็นมากกว่า แต่บริบททางการเมืองและสังคมเผชิญความท้าทายมากกว่าท่ามกลางสัดส่วนประชากรสูงอายุของสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับทศวรรษที่แล้ว นอกจากนี้ ปัญหาธนาคารภูมิภาค ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเพิ่มความซับซ้อนยิ่งขึ้น ขณะที่ในระยะยาวการก่อหนี้มหาศาลและเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้บ่อยครั้งย่อมบั่นทอนความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสหรัฐฯ
โดย คุณรุ่ง สงวนเรือง
ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
