ORI “ออริจิ้น” โชว์พอร์ตซื้ออสังหาฯ ผ่าน IP Program 2 ปี ทะลุกว่า 2,000 ยูนิต

279

มิติหุ้น – นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยถึง กระแสการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดคอนโดมิเนียมและ เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์เพื่อการลงทุนผ่านระบบที่เรียกว่า Investment Property Program หรือ IP Program บริหารงานโดยทีมงานมืออาชีพจาก Hampton Hotel & Residence Management (HHR) ในเครือ ORI ว่า ตลาดผู้บริโภคให้การตอบรับดีมากๆ โดยตลอด 2 ปีที่นำเอาระบบ IP Program มาใช้มีนักลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยประเภทเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ เพื่อการลงทุนแล้วกว่า 2,000 ยูนิตจาก 10 โครงการที่ ORI นำมาขายผ่านระบบดังกล่าว บริษัทจึงตั้งเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2567-2568) จะเพิ่มพอร์ตเป็น 5,000 ยูนิต พร้อมนำ HHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI

โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโครงการแรกที่นำเข้าระบบ IP  Program เต็มรูปแบบ คือ แฮมป์ตัน ศรีราชา เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์หรู 5 ดาวมูลค่า 1,400 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง ORI กับ “กลุ่มดุสิตธานี” ส่วนอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ล่าสุดที่นำมาทำการตลาดและขายผ่าน IP  Program คือ “ออริจิ้น เพลส บางนา” (Origin Place Bangna) เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์หรู ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ ORIGIN SMART COMPLEX BANGNA อาณาจักร  Mixed-Use ครบวงจรบนถนนบางนา-ตราด ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จที่นี่จะกลายเป็น THE NEW LANDMARK IN BANGNA ครบทุกส่วนผสมลงตัวทุกการใช้ชีวิตตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่  ศูนย์กลางธุรกิจประตูสู่ EEC ทำเลที่มีการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนมูลค่าเป็นแสนล้านบาท

นายสิริพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า IP Program เป็นคอนเซ็ปต์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบใหม่ ที่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ โดยนักลงทุนที่เข้าซื้อห้องพักในโครงการจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด สามารถซื้อ-ขายต่อเปลี่ยนมือได้ และยกให้เป็นมรดกหรือสามารถนำไปเป็นสินทรัพย์ในการค้ำประกันสินเชื่อได้ด้วยเช่นกัน

โดยหลังจากที่ซื้อไปแล้ว HHR จะเข้ามาดูแลและหาผู้เช่าพร้อมการบริการลูกค้าด้วยมาตรฐานโรงแรมระดับสากล รวมทั้งจ่ายเงินปันผลแบบต่อเนื่องนาน 10 ปี ต่อสัญญาครั้งละ10 ปี* พร้อมกับเปิดให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเสนองานบริการแข่งในการต่อสัญญา 10 ปีหลัง

ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าว จะอยู่บนพื้นฐานความตกลงยอมรับร่วมกันผ่านระบบ ‘Mutual Agreement Program’ ตกลงที่จะเฉลี่ยรายได้และเฉลี่ยรายจ่ายร่วมกันแบบเป็นกลุ่ม หรือเรียกว่าแบบแชร์ผลประโยชน์ร่วมกัน (Pool Dividend )โดย HHR จะเข้ามาดูแลและดำเนินการต่างๆ แทนทั้งหมดถือเป็นการลดภาระลูกค้าที่มาลงทุนในพร็อพเพอร์ตี้ ดังนี้

  • เจ้าของห้องไม่ต้องลงทุนเพิ่มเกี่ยวกับการตกแต่ง อุปกรณ์เพื่อการเช่า
  • เจ้าของห้องไม่ต้องจ่ายค่าดูแล ค่ารักษามิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต รวมถึงค่าซ่อมแซม
  • เจ้าของห้องไม่ต้องเสี่ยงติดลบกับการบริหารจัดการ ค่าพนักงาน และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น

โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้ HHR จะคอยดูแลทรัพย์สินและรับความเสี่ยงนั่นเองแลกกับค่าบริการทั่วไปรวมอยู่ในค่าเช่าห้องที่ทาง HHR จะหักไว้จากรายได้ทั้งหมดในแต่ละเดือน อาทิ ค่าธรรมเนียม (ค่า Fee) 5%, ค่าประกันภัย 1%, เป็นต้น

“หลังจากลงทุนแล้วลูกค้าอยู่เฉยๆ รอเงินจากค่าเช่าเข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน ส่วนความเสี่ยงนั้นแทบปิดความเสี่ยงทุกประตู ยิ่งไปกว่านั้นอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไประยะยาวจะมี Capital Gain เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” นายศิริพงศ์ กล่าว และย้ำว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านระบบ IP Program เป็นการลงทุนเพื่อความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง  โดยผลตอบแทนหรือเงินปันผลได้จากการลงทุนนั้นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับทำเลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ เช่น ทำเลในเมืองย่านทองหล่อ หรือสุขุมวิท 24 ก็จะได้ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 800-900 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่ทำเลในต่างจังหวัดก็จะอยู่ประมาณ 300-400 บาทต่อตารางเมตร”

สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโครงการใหม่ล่าสุดที่นำมาทำการตลาดและขายให้กับนักลงทุนผ่าน IP  Program คือ “ออริจิ้น เพลส บางนา” (Origin Place Bangna) เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์หรู ที่ตั้งอยู่บนอาณาจักรมิกซ์ยูส ORIGIN SMART COMPLEX BANGNA  ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งมีจำนวนห้อง 399 ยูนิตเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ คาดว่านักลงทุนน่าจะจองซื้อหมด

โดยทางทีมงานการตลาดและฝ่ายขาย อีกทั้งเครือออริจิ้นได้ผนึกกำลังกับเอเจ้นท์เกือบ 50 รายบุกตลาดเช่าต่างชาติรับแผนเปิดประเทศ รวมทั้งทีมงานได้เจาะตรงถึงลูกค้าที่เป็นองค์กรหรือบริษัทข้ามชาติที่มาเปิดกิจการลงทุนในไทยตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้เช่าส่วนใหญ่ 65-70% จะเป็นผู้เช่าต่างชาติที่มาทำธุรกิจในประเทศไทยหรือนักลงทุนที่มาพักอาศัยเป็นเวลานาน โดยผู้เช่ากลุ่มนี้จะเช่าแบบเหมาเป็นรายเดือน ส่วนสัดส่วนที่เหลือ 30-35% จะเป็นนักธุรกิจในไทย

“ORIGIN SMART COMPLEX BANGNA” เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 8 ไร่ติดถนนบางนา-ตราด เป็นโครงการ  Mixed-Use ครบวงจรที่สุดในย่านบางนา-ตราด ประกอบด้วย โรงแรม 200 KEYs, สมาร์ทออฟฟิศ 30,000 ตารางเมตร, พื้นที่รีเทล (ร้านค้า), คอนโดมิเนียม 375 ยูนิต และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ 399 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มงานก่อสร้างในปี 2566 นี้และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568

โครงการ ORIGIN SMART COMPLEX BANGNA มีความโดดเด่นทั้งคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน และโดดเด่นเรื่องทำเลที่ตั้งที่ติด Interchange Station 2 สาย แค่ 0 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีเอี่ยมและรถไฟฟ้ารางเบา (LRT : Light Rail Train) ที่วิ่งเข้าสู่สนามบิน

นอกจากนี้ย่านบางนายังได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่เขตเศรษฐกิจตะวันออก (EBD : Eastern Business District)  ซึ่งออริจิ้น มั่นใจว่าในอีก 5-6 ปีข้างหน้าจะเต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจการลงทุนและอยู่อาศัย เพราะที่นี่ “บางนา” ทำเลศักยภาพศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ New CBD ที่รายล้อมด้วย Super Mega Project  อาทิ The Bangkok Mall, เมกา ซิตี้ บางนา, ทรูดิจิทัลพาร์ค เฟส 3, WHA Bangna Business Complex, AIA East Gateway รวมถึงโครงการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2,3,4 รองรับผู้โดยสารและผู้ใช้บริการกว่า 90 ล้านคนต่อปี โครงการขนาดใหญ่ทั้งของภาครัฐและเอกชน เหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทยผลักดันให้ในอนาคตบางนาจะกลายเป็นทำเลทอง เนื่องจากในแต่ละปีราคาที่ดินและราคาที่อยู่อาศัยขยับขึ้นทุกปี

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon