บลจ. พรินซิเพิล โชว์ผลตอบแทนกองทุน โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ 5 เดือนแรก 22.13% ชนะดัชนีอ้างอิง เน้นหุ้นคุณภาพที่เติบโตและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ตลาดมองแนวโน้มผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ แข็งแกร่ง คาดกำไรปี 67 ขยายตัว 17.3%

70

มิติหุ้น – บลจ. พรินซิเพิล โชว์ผลงานกองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ (PRINCIPAL GOPP) 5 เดือนแรก ให้ผลตอบแทน 22.13% สูงกว่าดัชนีอ้างอิงที่ 6.43% ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ผันผวน ชูนโยบายลงทุนในธุรกิจทั่วโลกและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีคุณภาพดี ศักยภาพการแข่งขันสูง สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกได้ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมุ่งเน้น ESG ด้วยกลยุทธ์ Bottom up และ High Conviction ตลาดคาดกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ ในปีนี้ยังเติบโตและคาดว่าจะขยายตัว 17.3% และ 14.6% ในปี 2567 – 2568

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า
แม้บรรยากาศการลงทุนและสถานการณ์ตลาดหุ้นช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ปัญหาของภาคธนาคารในประเทศสหรัฐอเมริกา, อัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง ฯลฯ อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เป็นเซ็กเตอร์ที่มีผลงานโดดเด่น สะท้อนจากดัชนี NASDAQ ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นถึง 23.6% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – พฤษภาคม 2566) ส่งผลให้กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ หรือ Principal Global Opportunity Fund (PRINCIPAL GOPP) ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมหลัก Morgan Stanley Global Opportunity ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการแข่งขันระดับโลกและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกได้ดี สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นถึง 22.13% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่าดัชนีอ้างอิงที่ 6.43%

ปัจจัยหลักที่กองทุนเปิด PRINCIPAL GOPP สร้างผลงานได้ดี ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปีนี้เข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดจะอยู่ที่ 5.25% และจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย หลังจากได้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ไตรมาส 1/2566 (อ้างอิงจากดัชนี NASDAQ100) แสดงให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดในช่วงที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่ตลาดประเมินกำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (อ้างอิงดัชนี NASDAQ100) ยังคงเพิ่มขึ้นในปีนี้ และในปี 2567 – 2568 มีโอกาสเติบโต 17.3% และ 14.6% ตามลำดับ

“บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีและเป็นตัวเลือกการลงทุนอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นเมกะเทรนด์ของโลก อัตราเติบโตของรายได้และกำไรที่ยังแข็งแกร่ง และนโยบายอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่กำลังเปลี่ยนทิศทางจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความน่าสนใจลงทุน” นายจุมพลกล่าว

 

นายจุมพล กล่าวต่อว่า Morgan Stanley บริษัททางการเงินระดับโลก ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนหลักของ PRINCIPAL GOPP มีมุมมองการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาค เช่น การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ  เป็นต้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของ PRINCIPAL GOPP มีอำนาจการต่อรองราคาสูง มีเงินสดสุทธิ (Net Cash) ในระดับที่ดี มีหนี้สินต่ำ จะสามารถเติบโตและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าวได้ อาทิ Hermes ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์เนมที่สามารถปรับขึ้นราคากระเป๋าได้อย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากมีดีมานด์สูงต่อเนื่องและซัพพลายจำกัด, ServiceNow บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ได้รับประโยชน์จากรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการช่วยลูกค้าลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ฯลฯ

ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL GOPP มุ่งหาโอกาสลงทุนในธุรกิจทั่วโลกที่มีคุณภาพดีและศักยภาพแข่งขันสูง ได้แก่ มีความสามารถปรับตัวตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจที่ดี มีความแข็งแกร่งทางการเงินและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)  เช่น Uber Technologies ที่มีผู้ใช้บริการ 23 ล้านเที่ยวต่อวันใน 70 ประเทศ, Meta Platforms ที่มีผู้ใช้งานกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก ฯลฯ คาดว่าบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนจะมีรายได้ปี 2565 – 2568 เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% สูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับบริษัทในดัชนีอ้างอิง (MSCI All Country World Index) ที่คาดว่าในช่วงเวลาเดียวกันจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6% นอกจากนี้คาดว่า 94% ของบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนจะมีกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) เป็นบวกในปี 2566 – 2567 โดยทีมบริหารกองทุนยังคงมุ่งเน้นวิธีคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up โดยพิจารณาจากหุ้นรายตัว และแบบ High Conviction เน้นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและโอกาสเติบโตสูง ซึ่งพิจารณาจากมุมมองระยะยาว 5 – 10 ปี เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ มูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานและมีการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว

สำหรับผู้สนใจติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยาธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารทิสโก้ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02-686-9500 หรือ www.principal.th หรือดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/GOPP-A นอกจากนี้สามารถเปิดบัญชีและทำรายการซื้อผ่าน Principal TH Mobile App สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store และ Google Play และ https://www.principal.th/th/principalTH.html

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณากระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเอง / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศและอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้/ บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต/ ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน  www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon