TRT โชว์กำไรขั้นต้น Q1/66 พุ่ง 53.29 ล้านบาท พร้อม Backlog ในมือ 2,352 ล้านบาท ส่งผลบวกทำรายได้ทั้งปีเติบโต 20%

95

มิติหุ้น – นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/66 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 390.29 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) 53.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/65 ที่มีกำไรขั้นต้น 49.36 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ร้อยละ 13.65 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีร้อยละ 11.32

 

โดยอัตรากำไรขั้นต้น ในไตรมาส 1/66 มีรายได้จากการขายกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) เท่ากับร้อยละ 12.32 สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 11.51 และมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง (Non-Transformer) อาทิ รถกระเช้ารถเครนถังหม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรีลิเธียม เท่ากับร้อยละ 34.94 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 9.25 โดยรวมแล้วตลอดทั้งปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทิศทางบวก

 

นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/66 มีทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีอัตราการเติบโตมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก  เป็นผลจากการส่งมอบงานให้กับคู่ค้าพันธมิตร และการทำตลาดในธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2566 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวม จำนวน 2,185 ล้านบาท เติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา 20% ที่มีรายได้รวม 1,720 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดในปีนี้ มาจากกลุ่มธุรกิจหม้อแปลง 2,020 ล้านบาท ได้แก่ งานในประเทศ และงานภาครัฐ จำนวน 1,705 ล้านบาท การส่งออก จำนวน 195 ล้านบาท และงานบริการอีกจำนวน 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้ธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง จำนวน 165 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน ยังจะได้รับผลบวกจากการมีงานในมือ (Backlog) ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้และต่อเนื่องถึงปี 2567 ด้วย โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 บริษัทฯ มี Backlog จำนวน 2,352 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น งานในประเทศและงานภาครัฐ จำนวน 1,986 ล้านบาท การส่งออก จำนวน 242 ล้านบาท และงานบริการอีกจำนวน 36 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้ธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง จำนวน 87 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการติดตามงานประมูลเพิ่มเติม ซึ่ง ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 มีมูลค่างานรวมทั้งสิ้น​ 14,746 ล้านบาท แบ่งเป็น งานหม้อแปลง 12,520 ล้านบาท จากการไฟฟ้านครหลวง (MEA) มูลค่า 4,000 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มูลค่า 2,800 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) มูลค่า 1,970 ล้านบาท และโครงการอื่น ๆ ในประเทศอีก 1,900 ล้านบาท รวมถึงส่งออก 1,850 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นงานในกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง จำนวน 2,226 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานประมาณ 20-25% ของมูลค่างานทั้งหมด

 

นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัท ฯ ยังวางแผนออกสินค้าใหม่มาทำตลาดเพิ่ม ในกลุ่มแบตเตอรี่ รวมถึงกาขยายตลาดงาน​ซ่อมแซมและบริการ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ในกลุ่มนี้มีแนวโน้มรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ขณะเดียวกันมีความสามารถในการทำกำไร จากภาวะต้นทุนการผลิตซึ่งยังอยู่ในภาวะที่ทรงตัว เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบประเภทน้ำมัน ทองแดง และเหล็ก แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะต้นทุนวัตถุดิบ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดโลกเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการขนส่ง หรือโลจิสติกส์  แต่บริษัทฯ พยายามบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนไว้ให้ดีที่สุด

 

ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับกับการเติบโตในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนขยายตลาดการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในยุโรป และอเมริกาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล และการวางแผน ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า จากปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกเฉพาะในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก

 

“เพื่อรองรับการเติบโตในปัจจุบันและอนาคต ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มเพื่อบริษัทลูกจำนวน 120 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ด้วยการสร้างโรงงานผลิตตัวถังขนาดใหญ่ รองรับกับการผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่ สำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่จะเริ่มเดินเครื่องผลิตในปีนี้ เพื่อส่งมอบและรับรู้รายได้ในปีหน้าด้วย”นายสัมพันธ์ กล่าวในตอนท้าย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon