มิติหุ้น – นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ “Investment Property” (IP) ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต ว่า ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาฯด้วย เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ก็อยากให้มีการส่งเสริมแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตมากขึ้น อีกทั้งควรดูแลเรื่องระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในจ.ภูเก็ต ด้วยการเข้าไปลงทุนให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อการท่องเที่ยวดีก็จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในจ.ภูเก็ตตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มองว่านักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม และที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ซื้อหลักยังเป็นชาวรัสเซียถึง 80% เนื่องจากหนีภัยสงครามมาหาซื้อบ้านหลังที่สองในจ.ภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ระดับราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้า ส่วนช่วงไตรมาส 3/2566 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ตลาดภูเก็ตจะค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับช่วงไฮซีซั่น จากเดิมที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมามากขึ้น แต่กลับไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งต้องรอดูช่วงไฮซีซั่นในปลายปีนี้อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนการลงทุนของผู้ประกอบการในปี 2566 นี้ พบว่า มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นตลาดแมส ระดับราคา 7-30 ล้านบาท โดยกระจายพัฒนารอบเกาะภูเก็ต ในส่วนของดีมานด์นั้น พบว่ามีความต้องการมากขึ้น เพราะซัพพลายพูลวิลล่าในช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงพอกับดีมานด์ ทำให้หลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย ตลาดพูลวิลล่ามียอดขายที่ดีมาก โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือโซนลากูน่า แถวหาดบางเทา หาดลายัน โซนถัดมาคือ ราไวย์ และในหาน ส่วนตลาดคอนโดฯมีการพัฒนาน้อยกว่าเดิม เนื่องจากในช่วงวิกฤติโควิด-19 ดีมานด์หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่ามากขึ้น
“ช่วงโควิด-19 ราคาที่ดินไม่พุ่งมากนัก โดยปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 20% ซึ่งราคาที่ดินที่สูงสุดปัจจุบันยังอยู่ที่ป่าตองในบางทำเล ราคาสูงถึงประมาณ 200 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งภูเก็ตยังมีพื้นที่ให้พัฒนาพอสมควร แต่ด้วยดีมานด์ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการจะไม่แข่งขันสูงเหมือนเช่นในกรุงเทพฯ” นายอรรถนพ กล่าว
นายอรรถนพ กล่าวถึง ทิศทางการดำเนินการของ ซิซซา กรุ๊ป ในปี 2566 ว่าจะมีการเปิดตัวทั้งหมด 4โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
- นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1/2567
- เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่โรงแรม“วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โดยเฟสแรกใช้งบลงทุนไป 70 กว่าล้านบาท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 500 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ “เพลนารีเวลเนส” (Plenary Wellness) ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม สำหรับเฟส 2 จะเป็น Men’s Health และ Women Health เป็นการดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมด ส่วนเฟส 3 กำลังศึกษาข้อมูลว่าจะนำบริการรูปแบบไหนเข้ามาใช้บ้าง คาดว่าทั้งโปรเจกต์ (3 เฟส)จะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาท
“เมดิคอล ถือเป็นโปรดักส์ใหม่ในตลาด เวลเนส รีสอร์ต ที่เป็นการให้บริการเรื่องดูแลสุขภาพในโรงแรม ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ การให้บริการเชิงการแพทย์ ที่มีคลินิกเฉพาะทาง โดยสิ่งที่บริษัทฯทำจะเป็นการนำ 2 รูปแบบมารวมกันเป็น “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” (Medical Wellness Resort) เน้นเวชศาสตร์ป้องกันให้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงตลอด บริษัทถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว และมีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งที่น้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป” นายอรรถนพ กล่าว
- พูลวิลล่า บริเวณหาดลายันโดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า” โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
- ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท
ในส่วนของ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 – เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเข้าพักเกิน 90% และช่วงเดือนที่ผ่านมา พฤษภาคม – มิถุนายน 2566 อัตราการเข้าพักลดลงมาอยู่ที่ 60-65% แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้งหมด หลากหลายเชื้อชาติ อาทิ ยุโรป, จีน, อินเดีย และ ตะวันออกกลาง
อนึ่ง โครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” ตั้งอยู่บริเวณใกล้ชายหาดในหาน มีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ สร้างเป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 12 อาคาร แบ่งเป็นห้อง 2 แบบ ขนาดตั้งแต่ 40 ตารางเมตร ขึ้นไป จนถึง 65 ตารางเมตร จำนวนรวม 353 ยูนิต โดยแบ่ง 4 อาคารบริหารในรูปแบบโรงแรมเต็มรูปแบบ และอีก 8 อาคาร แบ่งขายเพื่อการลงทุนและบริหารการเข้าพักโดย “วินแดม โฮเทล กรุ๊ป” มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เปิดเป็นเจ้าของร่วมด้วยลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น! พร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านเข้ามาใช้บริการ
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon