มิติหุ้น – นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการของ บริษัท รักษาความปลอดภัยและบริหารธุรการ สยาม จำกัด (รักข์สยาม) หรือ SAMCO ครั้งนี้ เป็นไปตามโรดแมปที่บริษัทวางไว้ในการขยายฐานลูกค้าภาคเอกชนของสกาย กรุ๊ป ในกลุ่มธุรกิจการให้บริการบริหารจัดการอาคาร (Facility Management) และบริการระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) เนื่องจาก SAMCO เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง มีกลุ่มลูกค้าองค์กรภาคเอกชนชั้นนำมากกว่า 400 ราย อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เครือปูนซิเมนต์ไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย SAMCO ให้บริการครอบคลุมทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย งานธุรการ และงานดูแลความเรียบร้อยของอาคารและสถานที่ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการสร้างการเติบโตของสกาย กรุ๊ป
“สกาย กรุ๊ป มุ่งยกระดับการให้บริการบริหารจัดการอาคารและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่เจ้าของและผู้ใช้อาคาร โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เราพร้อมนำจุดแข็งด้านมาตรฐานงานบริการและเครือข่ายบุคลากรของ SAMCO เข้ามา Synergy กับโนว์ฮาวด้านเทคโนโลยีของสกาย กรุ๊ป ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรูปแบบ Security as a Service (SECaaS) ที่พร้อมใช้งาน ช่วยให้เจ้าของอาคารและสถานที่สามารถเข้าถึงระบบความปลอดภัยขั้นสูงได้ง่ายขึ้น เราเชื่อมั่นว่าการผสานความแข็งแกร่งครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจของสกาย กรุ๊ป ให้สามารถสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว” นายสิทธิเดช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท รักษาความปลอดภัยและบริหารธุรการ สยาม จำกัด (รักข์สยาม) หรือ SAMCO เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการงานรักษาความปลอดภัย งานธุรการ และงานดูแลความเรียบร้อยของอาคารและสถานที่ ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี บุคลากรกว่า 6,000 คน และได้รับการรับรองบริการตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 โดยมีผลงานดูแลอาคารและสถานที่ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงาน และเจ้าของอาคารและสถานที่ต่างๆ อาทิ โรงงาน ผู้ให้บริการพลังงาน และสถาบันการเงิน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (ม.ค.-มี.ค. 66) ของสกาย กรุ๊ป สามารถทำรายได้รวม 820 ล้านบาท เติบโตขึ้น 75% (YoY%) และมีกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวประเทศไทย ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยานขยายตัวตาม โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างการรอส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 22,900 ล้านบาท และยังมีแผนปรับโครงสร้างยกระดับองค์กร และเปิดตัวบริษัทลูกเพื่อขยายธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon