เซียนหุ้นเคาะราคาเหมาะสม I2 เป้าสูง 3.84 บาท/หุ้น ชูจุดเด่นผู้นำธุรกิจ SI แบบครบวงจร-แบ็คอัพสตรอง

139

มิติหุ้น – บริษัทหลักทรัพย์​ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (I2) ณ สิ้นปี 2567 ที่ 3.84 บาทต่อหุ้น อิง PER 15.0ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของกลุ่ม System Integrator จุดเด่นของ 12 คือการเป็นผู้เล่นที่มีขนาดเล็กทำให้มีโอกาสเติบโตอีกมากหากมีเงินทุนเพิ่มเติม การมี Synergy จากผู้ถือหุ้นอย่าง MFEC ในด้าน Knowhow และมีรายได้จากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลรองรับในช่วง 3 ปีจากนี้ 

โดยได้คาดการณ์กำไรปกติของ I2 ในปี 2566-2568 ที่ 76 ล้านบาท 108 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นการเติบโตของกำไรปกติปี 2566-2568 ที่ 5%41%และ 17% ตามลำดับ 

สำหรับการเติบโตเด่นในปี 2567-2568 ได้แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตจากเงิน IPO ที่ทำให้บริษัทฯสามารถประมูลงานภาครัฐได้เพิ่มเดิม ส่วนการเติบโตในปี 2566 หนุนจาก Backlog ณ สิ้น Q1/66 ในมือที่แข็งแกร่งราว 1.0 พันล้านบาท 

ทั้งนี้ I2 ประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลเป็นหลัก บริษัทมีรายได้ในปี 2565 ราว 936 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานรับเหมาด้าน IT หรือ SI คิดเป็นราว 71% ของรายได้ปี 2565 ซึ่งธุรกิจ SI ของ I2 จะเน้นงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเกือบทั้งหมด งานที่บริษัททำได้มีความหลากหลาย เช่น การสร้าง Data Center การทำระบบโครงข่าย งานสายสื่อสาร หรืองานด้านระบบ Enterprise Cyber Security เป็นต้น  

ส่วนรายได้หลักอีกราว 25% ต่อปี มาจากการให้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียม และจัดหาอุปกรณ์สำหรับบริการอินเทอูร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล (USO) โดยบริษัทเป็นคู่ค้าสำคัญกับ THCOM ในการให้บริการกับผู้ชนะการประมูลพื้นที่ดังกล่าวจาก กสทช. รายได้จากการให้บริการส่วนนี้จะมีอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2568 หรือจนกว่าจะหมดสัญญา USO 

นอกจากนี้ บริษัทมีธุรกิจกลุ่มพลังงานราว 1% ของรายได้ปี 2565 แม้ไม่มากเพราะไม่มีงานใหมในช่วงสั้น แต่ในปี 2564 รายได้จากธุรกิจพลังงานอยู่ที่ 119 ล้านบาท (9% ของรายได้รวม) หลักๆ จากโครงการประหยัดพลังานไฟถนนประเภทโคมไฟเสาสูงกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  

ในอนาคตคาดบริษัทใช้เงินทุนจาก IPO ประมูลงานด้านธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transiormation เช่น Big Data หรือ E-Document อยู่ในช่วงเริ่มต้นมีรายได้ราว 24 ล้านบาทในปี 2565 

นอกจากนี้ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)(MFEC) ที่เน้นงานเอกชน ยังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ I2 ในสัดส่วน 15% โดย MFEC เข้ามาลงทุน I2 ตั้งแต่ปี 2563 และจะรักษาสัดส่วนการลงทุน 15% หลังเข้าตลาดโดยจะเป็นการซื้อ Big Lot จากผู้บริหารที่ราคา IPO ซึ่งการดำเนินธุรกิจระหว่าง MFEC ไม่แข่งขันกันโดยตรง เพราะอยู่คนละตลาด โดย MFEC  เน้นงานเอกชน ขณะที่ I2 เน้นงานภาครัฐ 

บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย I2 ปี 2567 ที่ 3.42 บาท/หุ้น โดยใช้วิธี Relative PE เทียบกับหุ้นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ เช่น AIT ,MFEC ,TPS ,ITEL และGABLE ซึ่งมี PE เฉลี่ยที่ 14.15 เท่า 

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไร 2-3 ปี จะถูกขับเคลื่อนจากเทรน Digital Transformation และ Smart Grid เราคาดกำไรสุทธิปี 2566 – 2568 ที่ 82.95 ล้านบาท 103.83 ล้านบาท และ 97.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตที่ 84.43% ,25.16% และ -6.46% ตามลำดับ  

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2567 ของ I2 ไว้ที่ 3.10 บาทหุ้น ด้วยวิธี PE ที่ระดับ x (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 3 เดือนของหุ้นในกลุ่ม ซึ่งอยู่ที่ 15x) โดยเรามองว่าเป็นวิธีที่มีความเหมาะสมเนื่องจากสะท้อนถึงธุรกิจ I2 ที่มีลักษณะของรายได้ที่ผันผวนตามวัฏจักรการรับรู้รายได้โครงการที่ประมูลได้มาในแต่ละปี เราประเมินการเติบโตของ 12 อยู่ที่ 19% YOY CAGR (2566-2568F) ส่งผลให้เมื่อเทียบเป็น PEG จะอยู่ที่เพียง 0.6 ต่ำกว่า <1ถือเป็นระดับที่น่าสนใจในทางทฤษฎี

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon