มิติหุ้น – นายวันแสง วันนะวง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิต–ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen เปิดเผยว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และต้นทุนด้านพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญในการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่ง ‘น้ำ’ ที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าของเขื่อนนั้น ถือเป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำมาก และด้วยภูมิประเทศของ สปป.ลาวที่เป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในอนาคต สปป.ลาวมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำได้มากกว่า 30,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 11,000 เมกะวัตต์ ทำให้ สปป.ลาวมีโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในอนาคต
EDL-Gen ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานน้ำรายใหญ่ที่สุดของสปป.ลาว ซึ่งเดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของการไฟฟ้าลาว (EDL) แต่แยกมาตั้งเป็นบริษัทมหาชน เพื่อต้องการระดมทุนเร่งการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า ปัจจุบัน EDL-Gen มีโครงการทั้งหมดที่เปิดดำเนินการ (COD) รวม 28 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,790 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ EDL-Gen เป็นเจ้าของและพัฒนาโครงการเอง (HPP) จำนวน 10 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด 699 เมกะวัตต์ และโครงการที่ร่วมลงทุนกับภาคเอกชนที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) อีกจำนวน 18 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 1,091 เมกะวัตต์ โดยปีที่ผ่านมามีรายได้จากการขายไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ซึ่งมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการ HPP และ ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโครงการ IPP (ไม่รวมรายได้อื่นๆ) ทั้งหมดรวม 5,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% และในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวมจากการขายไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ (HPP+IPP) ประมาณ 945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นวิกฤตใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พลังงานน้ำ จึงได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตไม่สร้างมลภาวะให้กับธรรมชาติ พลังงานน้ำถือเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ที่จะช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ และด้วยศักยภาพของสปป.ลาว และ EDL-Gen จะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับสปป.ลาวและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างยั่งยืน” กรรมการผู้จัดการ EDL-Gen กล่าว
ทั้งนี้ สปป. ลาวมีสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้าภายใต้กรอบความร่วมมือ MOU การซื้อไฟฟ้ากับประเทศต่างๆ ได้แก่ ไทย 10,500 เมกะวัตต์ กัมพูชา 6,000 เมกะวัตต์ เวียดนาม 5,000 เมกะวัตต์ เมียนมาร์ 600 เมกะวัตต์ และสิงคโปร์ 100 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับสิงคโปร์เพิ่มเติมอีกเป็น 300 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีการจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศจีนตอนใต้ภายใต้สัญญาแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างประเทศและ มีการทำกรอบความร่วมมือ (MOU)ในการส่งเสริมด้านพลังงานระหว่างประเทศกับประเทศบรูไนเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงของ EDL-Gen ในอนาคต
นอกจากนี้ สปป.ลาว มีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายสายส่งไฟฟ้า ทั้งในประเทศและไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน สร้างเสถียรภาพในการจ่ายไฟให้ดียิ่งขึ้น รองรับการใช้ไฟฟ้าในประเทศอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอย่างเต็มรูปแบบ เช่น โครงการรถไฟฟ้าลาว–จีน โครงการทางด่วนเวียงจันทน์–บ่อเต็น และโครงการท่าบกท่านาแล้ง ซึ่งเป็นศูนย์โลจิสติกส์เวียงจันทน์ (VLP) จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาตั้งฐานผลิตในประเทศลาวมากขึ้น
กรรมการผู้จัดการ EDL-Gen กล่าวว่า เพื่อเป็นการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทฯ ได้เปิดให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จองซื้อหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 จำนวน 2 ชุด อายุ 3 ปี และ 4 ปี 3 เดือน ในราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย โดยหุ้นกู้ชุดดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 และ 2570 ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่ 6.30% และ 6.90% ต่อปีตามลำดับ ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ในสกุลเงินบาทไทย โดยเงินทุนที่ได้จากการออกตราสารหนี้ครั้งนี้จะนำมาใช้ในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกันยายนนี้ ทำให้ EDL-Gen สามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้มีความเหมาะสมกับแผนการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ บริษัทฯ เปิดให้นักลงทุนจองซื้อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ โดยกำหนดให้นักลงทุนชำระค่าจองซื้อในวันที่ 22 – 24 สิงหาคมนี้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon