CKP ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกรับผลกระทบจากเอลนีโญ คาดไตรมาส 3 จะดีขึ้นจากไตรมาส 2 ตามฤดูกาลน้ำหลาก

50

มิติหุ้น – นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีเป้าหมายที่จะมีระดับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่สุดรายหนึ่งเปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño) ทำให้สภาพภูมิอากาศโลกแปรปรวน เกิดภัยแล้งเป็นวงกว้าง รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ผลการดำเนินงานของ CKPower ในไตรมาสที่ 2/2566 และครึ่งปีแรกของปีนี้ลดลง โดยบริษัทฯ ได้ประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าภายใต้หลักความระมัดระวังและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำน้อย โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3/2566 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2566 จากปัจจัยตามฤดูกาลน้ำหลาก

ในไตรมาส ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,566 ล้านบาท ลดลง 93 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,659 ล้านบาท และมีรายได้รวมงวด 6 เดือนแรกของปีนี้จำนวน 5,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด เดือนแรกของปีที่แล้ว 49 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.9 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าบริหารโครงการและรายได้อื่นที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในไตรมาส และครึ่งปีแรกของปี 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส ปีนี้ CKPower มีกำไร 1.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 864 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 99.8 ขณะที่ เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนสุทธิจำนวน 103 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 903 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน XPCL จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปริมาณน้ำ และจากค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก ขณะที่ NN2 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลงและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul)ซึ่งเป็นไปตามแผนการซ่อมบำรุงปกติ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บางเขนชัย (BKC) มีรายได้ลดลงจากการสิ้นสุดการได้รับ Adder นอกจากนี้ ฐานะการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่ภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ 0.62 เท่า

ฤดูแล้งของปีนี้ ถือเป็นอีกปีที่หนักหน่วงเพราะมีสถานการณ์เอลนีโญเข้ามาสมทบ แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี เนื่องจากบริษัทมั่นใจว่าในไตรมาส จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน้ำหลาก อีกทั้งได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือเรื่องภัยแล้งอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้บริษัทยังได้ติดตามสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ CKP ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส ปี 2566 ร้อยละ 83 ของหนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของ CKP เป็นหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.50 และในส่วนของ XPCL ซึ่งเป็นบริษัทร่วมก็มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ Interest Rate Swap และการออกหุ้นกู้ เพื่อบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลอยตัวที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง

นายธนวัฒน์ เพิ่มเติมว่า ในปี 2566 CKPower ได้ตั้งเป้าหมายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ และ ไม่เกิน 723,674 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 CKPower ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 354,851 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งถือว่าดีกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ไม่เกินเป้าหมายหรือดีกว่าเป้าหมาย โดยบริษัทมีโครงการลดการใช้พลังงาน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรและมีแผนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทดแทนรถยนต์เดิม และจะเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรจากเดิม 88% เป็น 92% ภายในปีนี้

ติดดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon