DOD มาตามนัด โชว์งบ Q2/2566 พลิกกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่โต 120.65% “ออสเวลไลฟ์” หนุนยอดขายเข้ากระเป๋าปีนี้ประมาณ 250 ลบ.

179

มิติหุ้น – นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ “DOD” ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ODM) จากสารสกัดธรรมชาติ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทฯ   มีรายได้จากการขาย 175.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 31.54 และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ประมาณ 31% เป็น 38% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 7.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 425.85 เมื่อปรับด้วยรายการอื่น ส่งผลให้พลิกจากขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 25.72 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 5.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 120.65 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้าถือหุ้นในบริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (“AWL”)ในสัดส่วนร้อยละ 89.29 ของหุ้นทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้   แบรนด์ “AuswellLife” ซึ่งบริษัทฯเป็นเพียงรายเดียวในตลาดที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริมคุณภาพสูง “AWL” ในประเทศไทย และมีตัวแทนจำหน่ายในปัจจุบันกว่า 200 คน ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศรวมถึงขายผ่านช่องทางออนไลน์ จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯรับรู้รายได้จาก “AWL” เข้ามากว่า 80 ล้านบาท จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 1. AWL DHA algal oil ซึ่งเป็นน้ำมันสาหร่ายบำรุงสมองและพัฒนาการสำหรับเด็ก 2. AWL Colostrum โคลอสตรุ้ม เพิ่มภูมิต้านทาน ชนิดเม็ด ผสมไลซีน ซึ่งเป็นวิตามินเจริญอาหารเพิ่มน้ำหนักเด็ก เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และ 3. AWL Royal Jelly นมผึ้งออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และจากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯจึงตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ AWL ในครึ่งปีหลังเพิ่มสูงขึ้นกว่าในไตรมาส2 ที่ผ่านมา โดยเป้ารายได้จาก “AWL” ในปี 2566 มีแนวโน้มแตะระดับกว่า 250 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (“SHT”) ซึ่งบริษัทย่อยของ DOD ดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย ที่ได้ใบอนุญาตในการผลิตยา ภายใต้มาตรฐาน GMP/ Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงงานผลิตยาตามมาตรฐานสากล จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น บริษัทฯเดินหน้าต่อยอดในการสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย สำหรับใช้ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ SHT ได้ผลิตสารสกัดกัญชง-กัญชา ให้กับทาง บริษัท แปซิฟิค แคนโนเวชั่น จำกัด (“PACCAN”)  เพื่อส่งออกสารสกัดจากดังกล่าว ให้กลุ่มผู้ประกอบการทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มลูกค้าเชิงการแพทย์เท่านั้น ซึ่งการส่งออกสารสกัดกัญชา-กัญชง ในครั้งนี้ถือว่า PACCAN ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรเครือข่าย DOD เป็นรายแรกของประเทศไทยที่มีการส่งออกสารสกัดไปประเทศญี่ปุ่น สำหรับกลุ่มประเภทสารสกัดที่ส่งออก ประกอบด้วย1.กลุ่มสารสกัดทั้งหมดของกัญชง-กัญชา (น้ำมัน CBD (Cannabidiol) และ THC  ( Tetrahydrocannabinol) และ 2. ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มน้ำมันกัญชาชนิดหยด หรือทิงเจอร์สำหรับหยดใต้ลิ้น ใช้สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน ผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับ และผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กินอาหารไม่ได้ เป็นต้น

นอกจากตลาดส่งออก ยังมองเห็นโอกาสตลาดทางการแพทย์ในประเทศไทยที่มีดีมานด์การใช้สารสกัดกัญชง-กัญชา ทางการแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา SHT มีการส่ง material ที่เป็นสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ไปให้ทั้งสถานพยาบาลและผู้ประกอบการคลินิกภายในประเทศหลายแห่ง เพื่อจะนำไปใช้รักษาทางการแพทย์ ปัจจุบัน SHT มีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

นายต่อลาภ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า แผนการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ DOD ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อธุรกิจ โดยจะเห็นได้จากการเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 นี้  ดังนั้นบริษัทฯจึงมั่นใจว่าในปีนี้ DOD จะสามารถมีผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon