ในช่วงเดือนก.ค.66 ที่ผ่านมา SET Index ปิดที่ 1,556.06 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้า แต่ปรับลดลง 6.7%YoY ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าตลาดเมื่อนับตั้งแต่ต้นปีคือ กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเผชิญปัญหาทั้งในและต่างประเทศตลาดยังสามารถฟื้นตัวได้
คงเป้า SET Index ปี 66 ที่ 1,666 จุด
หลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า ในเดือนส.ค.66 คาดหุ้นกลุ่ม laggard จะทำผลงานได้ดีกว่าตลาด จากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงเป้า SET Index ปี 66 ไว้ตามเดิมที่ 1,666 จุด
ได้แรงหนุนจาก การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และ upside ที่น่าดึงดูดใจของตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่จะช่วยให้กระแสเงินจากต่างประเทศไหลเข้า โดยเฉพาะหุ้นที่ยัง laggard จากการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย อาทิ จีน ไทย
ในส่วนของปัจจัยเสี่ยง ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จากราคาน้ำมันและค่าแรงที่สูงขึ้น คาดจะส่งผลให้ Fed ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก รายได้ภาคเกษตรที่ลดลงผลจากปรากฎการณ์เอลนีโญในครึ่งหลังปีนี้ ปัญหาด้านโครงสร้างของไทย ซึ่งอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว อาทิ หนี้ครัวเรือนระดับสูง คุณภาพแรงงานที่ลดลง รายได้ภาคเกษตรที่ลดลงผลจากปรากฎการณ์เอลนีโญในครึ่งหลังปีนี้ โดยมี 4 ธีมลงทุนหลักที่น่า ดังนี้
กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มุ่งเน้นไปยังการเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจคาดจะส่งผลบวกต่อผู้เล่นในประเทศมากที่สุด ให้ AEONTS, BBL, COM7, TRUE, MAJOR, GLOBAL
กลุ่มผู้เล่นทั่วโลกจาก GDP โลกที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน คาดว่ากลุ่มพลังงานจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ให้ PTTEP, BANPU, TOP
กลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่คาดจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ ให้ MINT, SNNP, CPN
กลุ่มย้ายฐานการผลิตในภูมิภาค คาดว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคที่ดีขึ้น ให้ AMATA
คาดตลาดหุ้นเดือนส.ค.66 ฟื้นตัวต่อ
ทางด้าน บล.เอเซีย พลัส ให้กลยุทธ์การลงทุน คงน้ำหนักพอร์ตหุ้นไทย 30% หุ้นต่างประเทศ 30% ตราสารหนี้ 20% ตลาดเงิน 10% อื่นๆ 10% โดยมองว่าตลาดหุ้นในเดือนส.ค.66 จะสามารถฟื้นตัวต่อได้
ซึ่งได้แรงหนุนจากดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สินสุด หลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ส่งผลให้ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 67 ความกังวลเศรษฐกิจโลกเผชิญ Recession ลดลง รวมถึงจีนเตรียมออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งดีต่อเศรษฐกิจไทย
ในส่วนปัจจัยในประเทศ มองการเมืองพ้นจุดที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้วและน่าจะเริ่มเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี รวมถึงการรายงานงบ Q2/66 คาดว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY แต่คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นจากฐานกำไรที่ต่ำใน H2/65 แนะนำการลงทุน 3 ธีม สำหรับเดือนส.ค.66 ดังนี้
1.ธีมหุ้น CHINA PLAY คือ ERW ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท, SCGP ราคาเป้าหมาย 52.00 บาท
2.ธีมหุ้น ELECTION PLAY คือ GPSC ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท, CK ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท, SIRI ราคาเป้าหมาย 2.32 บาท
3.ธีมหุ้น EARNING MOMENTUM PAY คือ PLANB ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท, SNNP ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท
ลุ้น SET ขึ้นทดสอบ 1,590 จุด
ทั้งนี้ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองบวกมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในเดือนส.ค.66 คาดว่าดัชนี SET จะขึ้นไปทดสอบเป้าปี 2566 ที่ประมาณ 1,590 จุด โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาดและภาวะเศรษฐกิจมหภาคยังประคองตัวได้ดี ทั้ง Fed และ ECB น่าจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
รวมถึงประเด็นทางการเมืองคาดว่าจะการเมืองไทยจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งความเสี่ยงหลักในเดือนนี้ คือการชุมนุมประท้วงทางการเมืองที่รุนแรงมากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการที่พรรคก้าวไกลไม่สามราถร่วมรัฐบาลได้ แต่ยังมองบวกกับแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และภาวะเศรษฐกิจโลก หุ้นแนะนำให้ BBL, GULF, STEC, IVL, SCGP, TOP, SISB, SNNP เป็นหุ้นเด่นในเดือนนี้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
