‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 4 รุ่น อายุ 1 ปี 6 เดือนถึง 7 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 3.04 – 3.80% ต่อปี พร้อมเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไปวันที่ 8 และ 11-12 ก.ย. 66 ผ่าน 8 สถาบันการเงิน มั่นใจเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุนในหุ้นกู้เรทติ้งระดับ “A+” แนวโน้ม ‘บวก’

121

มิติหุ้น – บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” (Makro) และธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ “โลตัส” (Lotus’s) ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.04% ต่อปี รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 8 แห่ง ได้แก่  ธนาคารกรุงเทพ  ธนาคารกรุงไทย  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี และ บล.เกียรตินาคินภัทร รวมถึงเสนอขายผ่านช่องทาง ทรูมันนี่ วอลเล็ต ในระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 กันยายน 2566

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโครและประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นกู้ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน เพราะนอกจากจะเป็นการเสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไปเป็นครั้งแรกของ ‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ แล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีที่ประชาชนทั่วไปจะได้เข้าถึงหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) โดยเฉพาะในภาวะที่ผู้ลงทุนมองหาหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูง และมีความเสี่ยงจากการลงทุนอยู่เพียงระดับ 3 (ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 1 สูงสุดระดับ 8) ขณะที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ รวมถึงอายุหุ้นกู้ที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นทางเลือกสำหรับการตัดสินใจที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งระยะสั้นและระยะปานกลาง

ทั้งนี้ หุ้นกู้ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) และการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ด้วยความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานทั้งฐานรายได้และกำไรที่เติบโต ภายใต้หลักการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล และมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

“เรามั่นใจว่า หุ้นกู้ ‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะนอกจากอายุหุ้นกู้ ผลตอบแทน ความเสี่ยง และแนวโน้มธุรกิจ จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถเข้าถึงการจองซื้อได้หลายช่องทางจากสถาบันการเงินทั้ง 8 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และเพิ่มเติมด้วยช่องทางจำหน่ายผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ต ซึ่งลูกค้ามีความคุ้นเคยและมีประสบการณ์การใช้จ่ายผ่านช่องทางนี้ได้อย่างสะดวกอยู่แล้วเช่นกัน” ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโครและประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า กล่าว

ด้านสถาบันการเงินในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” กล่าวเสริมว่า ‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 241,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,746 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 130,875 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 110,959 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3,682 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและชัดเจน รวมถึงแนวโน้มการอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่า หุ้นกู้ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน

สำหรับธุรกิจของ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าส่ง ภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” (Makro) ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย  โดยจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการมืออาชีพ ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ “โลตัส” (Lotus’s)  ในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยบริษัทฯ มุ่งที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคในระดับภูมิภาคในเอเชีย และขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ ด้วยช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (Omni channel) นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพของร้านค้า ต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับโฉมร้านค้าแบบไฮบริดซึ่งดึงจุดเด่นของ 2 กลุ่มธุรกิจค้าส่งค้าปลีกแบบไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้ติดอันดับบริษัทด้านความยั่งยืน โดยเข้าเป็นสมาชิกของดัชนี S&P Global The Sustainability Yearbook 2023 ในกลุ่ม Food & Staples Retailing ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำของโลกที่ใช้วัดผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นบริษัทที่มุ่งสร้างการเติบโตไปพร้อมกับคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัท (IOD) ในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Score) ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 อีกด้วย