ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว
ขณะที่ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกมีแนวโน้มตึงตัว หลังการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุดิอาระเบียที่คาดว่าจะขยายกรอบเวลาการลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเดือนที่ 4 ไปจนถึงเดือน ต.ค. 66 ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ส่งสัญญาณปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มเติมในเดือน ต.ค. เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้
-/+ หลังการเปิดเผยตัวเลขอัตราการว่างงานในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบหกเดือน แสดงถึงภาคการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้ตลาดคาดว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย. ที่จะถึงนี้ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม
+ ทางการจีนเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ประจำเดือนส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.0 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 49.3 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับแต่เดือน ก.พ. 66 โดยคาดว่าการเติบโตหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น บ่งชี้ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจเริ่มส่งผลดีต่อตลาดจีนที่หดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ส.ค. ผ่านมา จีนได้ประกาศนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารของรัฐหลายแห่ง รวมทั้งได้มีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การกู้ยืมเงินสำหรับซื้อบ้านอีกด้วย
ราคาน้ำมันเบนซิน : ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดตัวเลขโควต้าส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย.
ราคาน้ำมันดีเซล : ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนที่คาดว่าจะสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon