มิติหุ้น – วายแอลจี เผยราคาทองคำในประเทศทรงตัวในแดนบวกหลังบาทอ่อน มองบาทอ่อนเพียงระยะสั้น เหตุรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนความต้องการเงินบาท พร้อมแนะจับตาผลประชุมเฟด 19 – 20 ก.ย. นี้ มีผลต่อราคาทองคำระยะยาว หากส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้เป็นครั้งสุดท้าย จะส่งผลดีต่อราคาทองคำ มีลุ้นไตรมาส 1 ปีหน้า ทำนิวไฮ ในกรอบ 2,075 – 2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เผยอินไซด์ปัจจุบันคนไทยเทรดทองผ่านออนไลน์มากขึ้น เชื่อภายใน 3-4 ปี การบริโภคทองคำของไทยจะกลับขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดที่ 153.8 ตันต่อปี พร้อมออกโปรดักซ์ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยแอปฯ ซื้อขายทองออนไลน์ทั้งรูปแบบเงินบาทผ่าน YLG Online และแอปฯ YLG Gold Investment ที่ซื้อขายผ่านเงินตรา 5 สกุล (ดอลลาร์, หยวน, ยูโร, ดอลลาร์สิงคโปร์ เเละ บาท) ปิดความเสี่ยงค่าเงินผันผวน ***พิเศษสุดวันนี้ – 31 ต.ค. วางเงินหลักประกัน 200,000 บาท ซื้อขายทองได้สูงสุด 5 กิโลกรัม จากปกติ 4 กิโลกรัม โดยไม่ต้องวางเงินประกันเพิ่ม***
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำในประเทศที่เคลื่อนไหวในทิศทางบวกในช่วงนี้เป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า อย่างไรก็ตามมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทน่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เนื่องจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล เช่นการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการเงินบาทได้ อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมีผลแต่กับราคาทองคำในประเทศเท่านั้น ส่วนราคาทองคำในตลาดโลก ในระยะสั้นอาจต้องจับตาเพิ่มเติมในประเด็นการส่งสัญญาณยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งผลให้เยนผันผวนเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ อย่างไรก็ตามในประเด็นหลัก ราคาทองคำต่างประเทศจะเคลื่อนไหวในทิศทางใดต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นวันที่ 19 – 20 ก.ย. นี้ ซึ่งตลาดคาดหวังให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปรับตัวลดลงในประมาณเดือนมีนาคม 2566 หากเป็นไปตามที่คาดก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ 2,075-2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งก็จะเป็นการทำจุดสูงสุดรอบใหม่
สำหรับแนวโน้มในระยะยาวนั้น มองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในอีก 3-4 ปี ประเทศไทยจะมีการบริโภคทองคำเฉลี่ย 100 ตันต่อปี ซึ่งใกล้ระดับที่เคยสูงสุดที่ 153.8 ตันต่อปีในปี 2556 จากปัจจุบันประเทศไทยมีการบริโภคทองคำโดยเฉลี่ย 63 ตันต่อปี ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่ จีน และ อินเดีย และเป็นอันดับ 7 ของโลก อย่างไรก็ดีส่วนหนึ่งที่การบริโภคทองคำจะเติบโตขึ้นได้อีกนั้น เป็นเพราะคนไทยหันมาซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์เพื่อลงทุนมากขึ้น เพราะเข้าถึงง่ายในราคาเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ตลาดทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี จาก 2 ปัจจัยข้างต้นทั้งการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่มีผลต่อราคาทองคำ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปนิยมการซื้อทองคำผ่านระบบออนไลน์ วายแอลจีจึงได้ออกแบบการบริการให้เหมาะสม ด้วยการเปิดเเอปพลิเคชัน YLG Online : ลงทุนทองด้วยสกุลเงินบาท มีที่ปรึกษาด้านการลงทุนส่วนตัวให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในสกุลเงินบาท และไม่พลาดการทำกำไรส่วนต่างราคาทองคำในประเทศ สนใจสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ที่ https://www.ylgopenacc.com/ นอกจากนี้ยังมีเเอปพลิเคชัน YLG Gold Investment : ที่สามารถลงทุนทองได้มากถึง 5 สกุลเงิน ทั้ง ดอลลาร์, หยวน, ยูโร, ดอลลาร์สิงคโปร์ เเละ บาท เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนทองมากกว่า 1 สกุลเงิน เพื่อปิดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน โดยผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ คลิก : https://bit.ly/3GlRDaH , IOS คลิก: https://apple.co/3wOkm6s ,Android คลิก : https://bit.ly/36GzBUk
พิเศษสุดสำหรับลูกค้า YLG ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ต.ค. 2566 เพียง**วางเงินหลักประกัน 200,000 บาท ซื้อขายทองได้ฟรีเพิ่มอีก 1 กิโลกรัม โดยไม่ต้องวางเงินประกันเพิ่ม ซื้อขายทอง 99.99% ได้มากถึง 5 กิโลกรัม จากปกติ 4 กิโลกกรัม หรือ ซื้อขายทอง 96.5% ได้มากถึง 300 บาททอง จากปกติ 240 บาททอง** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02 687 9888 ext. 1, 02 106 5959 ext. 1
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon