LGT คาดการณ์ค่าจ้างเมื่อหักเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต และเงินเฟ้อเริ่มลดลง ทำให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลงในปี 2567

114

มิติหุ้น – LGT กลุ่มบริษัทชั้นนำที่ดำเนินงานด้านไพรเวทแบงก์กิ้งและการบริหารสินทรัพย์ในระดับนานาชาติคาดการณ์ว่าจะเห็นค่าจ้างเมื่อหักเงินเฟ้อมีการเติบโต และเงินเฟ้อเริ่มลดลงในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลงในปี 2567 และยังคาดการณ์ว่าจะได้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจแบบ soft landing ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

LGT กล่าวว่ามุมมองนี้มาจากข้อสนับสนุนหลักที่ว่าค่าจ้างในสหรัฐอเมริกาเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อยังเติบโตเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าแรงงานสหรัฐฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย แม้ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ปัจจัยนี้จะช่วยให้การอุปโภคบริโภคและการใช้จ่ายในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี

คุณสเตฟาน โฮเฟอร์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนในทีมบริการด้านการลงทุน LGT  กล่าวว่า “การที่ ดอกเบี้ยของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดการคาดเดาว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2567 แต่เราไม่คิดเช่นนั้น อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษช่วยปกป้องเศรษฐกิจ และทำให้การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และผลประกอบการของภาคธุรกิจสูงขึ้นในปีหน้า การเติบโตของค่าจ้างเมื่อหักเงินเฟ้อเป็นบวก และน่าจะสนับสนุนการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนได้”

ในภาพรวม LGT ประเมินว่าสินค้าจากภาคการผลิตยังมีการแข่งขันที่สูงในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้เงินเฟ้อลดต่ำลงในอนาคตทั้งระยะกลางและระยะยาว และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐฯ และยุโรปจะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 2% ภายในกลางปี 2567

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 25 จุด เป็น 4% เมื่อไม่นานมานี้ LGT คาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งในปี 2567 อัตราการว่างงานในสหภาพยุโรปยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก คล้ายคลึงกับสหรัฐฯ เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ ประสบกับภาวะขาดแคลนแรงงานหลังสถานการณ์โควิด-19 และยังไม่ต้องการลดจำนวนพนักงาน ซึ่งหมายความว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหภาพยุโรปเป็นภาวะที่ไม่เป็นไปตามปกติ เนื่องจากไม่ได้เกิดพร้อมกับอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

คุณสเตฟาน คาดการณ์ว่า “เงินเฟ้อในเศรษฐกิจโลกกำลังลดต่ำลงด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน ธนาคารกลางยุโรปขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด และธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแน้วโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดแล้ว หากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานยังมีแนวโน้มลดลง อัตราดอกเบี้ยทั้งสองภูมิภาคก็น่าจะเริ่มลดลงได้ในกลางปี 2567”

LGT มีความคิดที่สวนทางกับความเชื่อทั่วไปว่าโลกาภิวัฒน์ยังคงเป็นไปได้ด้วยดีหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกแต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดลง และภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ก็มีผลกำไรที่พุ่งสูงขึ้น แนวโน้มในเชิงบวกเหล่านี้ในสหรัฐฯ และยุโรปที่เป็นสองตลาดหลักของนักลงทุนทั่วโลก น่าจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ดีในภาพรวม

“ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกตัวอย่างเช่นประเทศไทย เราได้เห็นการเติบโตอยู่ที่ 3% ถึง 3.2% ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าอัตราการเติบโตจะลดลงมาเล็กน้อยที่ 3% หรือ 3.1% ในปี 2567 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ในมุมของตลาดหุ้นไทย ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่ในเชิงการท่องเที่ยวแต่ในมุมอุตสาหกรรมการผลิตอีกด้วย อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยนั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้เศรษฐกิจไทยได้เติบโตอย่างมาก จึงเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้ว่าในระยะยาวแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินบาทจะไปในทิศทางบวกแน่นอน” คุณสเตฟานกล่าวปิดท้ายสำหรับมุมมองของประเทศไทย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon