TOP วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

181

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 3%
หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาด

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% สู่ระดับสูงสุดในปี 2023 ภายหลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ก.ย. 66 ปรับลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 416.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงราว 0.3 ล้านบาร์เรล ทำให้ตลาดเกิดความกังวลด้านอุปทานน้ำมันมากขึ้น ว่าอาจเข้าสู่สภาวะตึงตัวทั่วโลก

+ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย อาจเพิ่มความตึงตัวให้กับตลาดอุปทานน้ำมันโลก ภายหลังสั่งการให้รัฐบาลอุดหนุนราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศให้ทรงตัว และจำกัดการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ภายหลังราคายังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากการเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันของรัสเซียในช่วงก่อนหน้านี้

+ ธนาคารของจีน (People’s Bank of China : PBOC) เปิดเผยหลังการประชุมของคณะกรรมการนโนบายการเงินเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 ว่าจะยกระดับนโยบายทางการเงินและรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเชื่อมั่นว่า GDP ในปี 2566 จะอยู่ที่ +5.0% ตามเป้าหมายของรัฐบาลจีน

ราคาน้ำมันเบนซิน : ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในอินโดนีเซียมีแนวโน้มลดลงในเดือน ต.ค. 66 จากปัญหาด้านราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยอดการส่งน้ำมันในจีนยังคงมีแนวโน้มทรงตัว แม้ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดของจีน (Golden Week)

ราคาน้ำมันดีเซล : ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัสเซียได้ออกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันเป็นการชั่วคราวเพื่อตอบสนองปัญหาการขาดแคลนภายในประเทศ และเรื่องปัญหาด้านราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง อุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นภายหลังใกล้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon