RS จัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซใหม่ RS LiveWell สำหรับผู้คน และ RS pet all เพื่อสัตว์เลี้ยง เติบโตแรงแบบคู่ขนาน มั่นใจไตรมาส 3 โดดเด่นตามเป้า

143

มิติหุ้น – บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป มั่นใจอาณาจักรคอมเมิร์ซแข็งแกร่ง ชูโครงสร้างใหม่เพื่อรองรับการเติบโตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความชัดเจนและสร้างความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การปลดล็อกศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซอย่างเต็มที่ มุ่งสู่การเป็น “Life Enriching” สำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยง โดยจะเติมเต็มความสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนผ่าน “RS LiveWell” และมุ่งยกระดับความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร ผ่าน “RS pet all” เดินหน้าสร้างการเติบโตให้ธุรกิจคอมเมิร์ซแบบคู่ขนาน ทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น และในแง่การพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายให้หลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคทุกทัชพอยท์ พร้อมโชว์ความสำเร็จของ ULife ภายใต้ RS Connect ในการทรานส์ฟอร์มโมเดลธุรกิจเป็น Subscription Model ที่ช่วยสร้าง Brand Loyalty และมีกลุ่มลูกค้าประจำจากความคุ้มค่าที่มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว (Recurring Income) พร้อมเตรียมส่งออกสินค้าในเครือ ไปยังต่างประเทศ ผ่านการจับมือกับพาร์ทเนอร์ วางแผนรุกตลาด CLMV และฟิลิปปินส์ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้กว่า 1.8 พันล้านบาท

คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นับตั้งแต่ อาร์เอส ทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากสื่อและบันเทิงไปสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ที่เปลี่ยนผู้ชมและผู้ฟังหลายล้านคนให้กลายเป็นผู้ซื้อ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้วนั้น ธุรกิจคอมเมิร์ซค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์สร้างการเติบโต ผ่านโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่ผสานความเชี่ยวชาญจากธุรกิจสื่อและบันเทิงกับธุรกิจคอมเมิร์ซเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม และสร้างรายได้กับอาร์เอสอย่างก้าวกระโดด วันนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าเป็น ‘Life Enriching’ โดยมุ่งมั่นยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของลูกค้าผ่านทุกธุรกิจในเครือ ล่าสุด จัดทัพโครงสร้างธุรกิจคอมเมิร์ซใหม่ ปลดล็อกศักยภาพในการทำธุรกิจให้มีความชัดเจนและคล่องตัวยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มบริษัท คือ RS LiveWell ผลิตและจำหน่ายสินค้าสำหรับผู้คน ขณะที่ RS pet all เป็นสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงครบวงจร จึงทำให้กลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซของ อาร์เอส ครอบคลุมหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์โฮมแคร์ สำหรับดูแลผู้คน และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่เป็นเหมือนสมาชิกใหม่ของครอบครัว โดยรวมแล้ว เรามีสินค้ามากกว่า 150 รายการ”

RS LiveWell สินค้า House Brands ประกอบด้วยแบรนด์ well u, Vitanature+, DARING & CO., aviance, Beyonde, iFresh, Happie Homie และ De Beste โดยมีช่องทางจำหน่ายสินค้าของตนเองถึง 2 ช่องทางหลัก ได้แก่

  • RS Mall มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพ มีช่องทางหลากหลาย ทั้งทีวีโฮมช้อปปิ้ง และเทเลเซลล์ กว่า250 คน และปัจจุบันขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ผ่านดิจิทัลทีวีพันธมิตร อาทิ Workpoint TV –Amarin TV – ไทยรัฐTV และยังมีช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์ มาร์เก็ตเพลส ด้วย
  • ULife เป็นอีกแพลตฟอร์มขายสินค้ารูปแบบSubscription Model ซึ่งเน้นสร้างฐานลูกค้าประจำให้แข็งแกร่ง ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้ Business Partners ของ ULife อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิด Brand Loyalty ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ทำแล้วประสบความสำเร็จมาก

ในขณะที่ RS pet all เป็นธุรกิจครบวงจรสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ได้แก่

  • ธุรกิจผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์Lifemate โดดเด่นด้วยสินค้าหลากหลายประเภทรวมกว่า 40 รายการ พร้อมด้วยคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง
  • ธุรกิจผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์HATO VETERINARY SELECT ที่คัดสรรสินค้าสัตว์เลี้ยงพรีเมียม คุณภาพสูงจากสัตวแพทย์ของ HATO
  • ธุรกิจผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์Jungle Monster Thailand ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าสัตว์เลี้ยงคุณภาพดีจากเกาหลี
  • ธุรกิจรีเทลช็อป ภายใต้แบรนด์Pet All My Love ซึ่งจะเปิด 3 สาขาแรกในไตรมาส 4 นี้ และจะขยาย 15-20 สาขา ภายในสิ้นปีหน้า
  • ธุรกิจPet Wellness ภายใต้แบรนด์ HATO เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจรและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Preventive Program ในปีนี้ คาดว่าจะเปิด Hato Pet Wellness Center เพิ่มอีก 6 สาขา
  • ธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ ปัจจุบันเปิดแล้ว1 แห่ง ในชื่อโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพ-ชัยพฤกษ์ และจะเปิดอีก 1 แห่งภายในสิ้นปี 2566

ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจคอมเมิร์ซในครึ่งปีหลัง จะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นมาก เห็นได้จากการที่ RS LiveWell มุ่งขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังตั้งเป้าส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศภายในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งมาจากการเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV และฟิลิปปินส์ ส่วนธุรกิจในประเทศ มีสินค้าสุขภาพและความงามในแบรนด์ต่างๆ ทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมเติบโตระดับ Double digit ในไตรมาส 3 นี้ ส่วน ULife ประสบความสำเร็จจากการปรับ Business model สู่ Subscription model สร้างการเติบโตของรายได้ระดับ Double digit เช่นกัน และมีสัดส่วนรายได้ในปัจจุบันจาก Subscription กว่า 90% จากผู้สมัครใช้บริการต่อเนื่อง ขณะที่ RS pet all แบรนด์ Lifemate มียอดขายเติบโตระดับ Double digit ทั้งจากการพัฒนาปรับสูตรให้เข้ากับความต้องการของตลาดยิ่งขึ้น ประกอบกับการตอบรับที่สูงขึ้นของช่องทางขายกว่า 500 จุดจำหน่ายทั่วประเทศ และ Product line up ที่สมบูรณ์ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ของใช้สำหรับสัตว์ (Pet care) ที่หลากหลายเข้าถึงทุกความต้องการสำหรับสัตว์เลี้ยง

ในขณะที่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ยังเติบโตสูง โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตชัดเจนจากกิจกรรม คอนเสิร์ต รวมถึงเม็ดเงินโฆษณากลับสู่ระดับก่อน COVID-19 โดยรายได้คอนเสิร์ตและอีเวนท์ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในช่วงไตรมาส 3 นี้ ซึ่งมีทั้งคอนเสิร์ต Kamikaze Party Reunion 2023 และ คอนเสิร์ต HIT100 จากการ Across the Universe JV นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม on ground ครบทุกประเภท ทั้งมวย หมอลำ ดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งจัดหมุนเวียนทั่วประเทศสร้างรายได้จาก Sponsorship มากกว่า 100 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ รายได้จากการขายสื่อโฆษณาในช่องทางทีวีดิจิทัลของช่อง 8 และสถานีเพลง COOLfahrenheit ยังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

“อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มคอมเมิร์ซใหม่เพื่อสร้างความชัดเจนของกลุ่มธุรกิจในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้แต่ละธุรกิจได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การจับมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ผ่านการ M&A และ JV ทำได้คล่องตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย เชื่อว่าการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่แตกต่างของ อาร์เอส กรุ๊ป ซึ่งเน้นความรวดเร็วและทันกับสถานการณ์ในโลกธุรกิจ จะเป็นแรงผลักสำคัญให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซแตะที่ 1.8 พันล้านบาท อีกทั้งภาพรวมของผลงานในไตรมาส 3 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งทางคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2566 ในอัตรา 0.60 บาทต่อหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท” คุณสุรชัย กล่าวปิดท้าย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon