สปอย!!! งบแบงก์ Q3/66 เจ้าไหนเด่นสุด

1330

วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ย ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึงจุดสิ้น หลังกนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี เป็น 2.50% จากระดับ 2.25% ในวันที่ 27 ก.ย.66 โดยให้มีผลทันที สูงสุดในรอบ 10 ปี เพื่อเตรียมรับมือเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาล ทำให้เหล่าบรรดาแบงก์เล็ก-ใหญ่ ต่างทยอยประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามมาติดๆ

ทั้งนี้ได้ผ่านพ้นช่วง Q3/66 มาแล้วพร้อมกับดัชนีที่ทำนิวโลว์ใหม่ ในรอบ 3 ปี หลุดระดับ 1,450 จุด ดังนั้นงบแบงก์ที่เริ่มประกาศก่อน จะเป็นตัวนำร่องผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเริ่มประกาศวันที่ 12 ต.ค.66 เป็นวันแรก

 

ชู BBL เป็น Top pick กำไร Q3/66 โตเด่น 29.1%

ทางด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร ยังคงให้น้ำหนัก “ลงทุนมากกว่าตลาด”

เลือก BBL เป็น Top pick ของกลุ่ม คาดว่าจะเป็นธนาคารที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเด่นที่สุดเมื่อเทียบ YoY โดยจะมีกำไร 9.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 29.1% ถึงแม้สินเชื่อจะหดตัวลงแต่รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากและการตั้งสำรองที่ลดลง แต่หากเทียบ QoQ  คาดว่า KKP จะเด่นที่สุด โดยคาดมีกำไร 1.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 7.5% จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและผลขาดทุนรถยึดที่ลดลง

ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรรวม Q3/66 ของธนาคารทั้ง 8 แห่ง ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้แก่ BAY ,BBL ,KBANK ,KKP ,KTB ,SCB ,TISCO และ TTB จะอยู่ที่ 5.57 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 5.8% YoY จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้จะคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม ส่งผลให้ 9 เดือนแรก มีกำไรรวมเป็น 1.75 แสนลบ. โต 12.40% YoY

ขณะที่คาดว่ากำไร QoQ จะลดลง 8.1% ถึงรายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้ต่อแต่ต้นทุนดอกเบี้ยและการตั้งสารองที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจะทำให้กำไรของกลุ่มลดลง

 

งบดีขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ

ขณะที่ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เผยว่า ใน Q3/66 ธนาคารจะมี Credit Cost เพิ่มขึ้น 0.27% YoY แต่ลดลง 0.50% QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก BBL ตั้งสํารองจำนวนมากไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก และ SCB ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่งและ CardX เกิดขึ้นอีกใน Q3/66

โดยคาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้นจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราการชําระหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้ว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ NIM ใน Q3/66 คาดจะเพิ่มขึ้น 0.50% QoQ และ 0.38% YoY จากการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค.66 และใน Q2/66

ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรรวม Q3/66 ของธนาคารทั้ง 8 แห่ง ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ได้แก่ BBL ,KTB ,SCB , KBANK ,BAY ,TTB , TISCO และ KPP จะอยู่ที่ 5.98 หมื่นลบ. ลดลง 1% QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น 14% YoY ส่งผลให้ปี 66 คาดว่ากําไรจะเติบโต 20% สินเชื่อโต 4% NIM จะขยายตัว 0.40% และ credit cost จะเพิ่มขึ้น 0.12% เลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่น ราคาเป้าหมาย 210 บาท และ 25 บาท ตามลำดับ

 

ตลาดตราสารหนี้ร้อนแรง ฉุดสินเชื่อลดลง

ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาด Q3/66 ธนาคารจะมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ราว 43.5% เพิ่มขึ้นจาก Q2/66 ที่ 42.9% จากการขยายกิจการและการลงทุนระบบไอที ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อคาดลดลง 0.4% YoY  แต่บวก 0.1% QoQ ผลจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ชำระคืนหนี้ และลูกค้าบางส่วนหันไประดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้

โดยมองว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 0.80% QoQ เป็น 3.49% จากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ สะท้อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ในเดือนมิ.ย.66 ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารไทยขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ benchmark ทั้งหมดในอัตรา 0.20-0.25% ใน Q3/66 และคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องใน Q4/66 หลังแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อ 27 ก.ย.66

ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรรวม Q3/66 ของธนาคารทั้ง 7 แห่ง ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ประกอบด้วย BBL, KBANK, SCB, KTB, TTB, TISCO และ KKP จะอยู่ที่ 5.24 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 0.4% QoQ และ 18% YoY เลือก BBL และ SCB เป็นหุ้น Top pick ให้ราคาเป้าหมาย 193 บาท และ 145 บาท ตามลำดับ

 

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon