มิติหุ้น – SCC โดย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมปี 2024E ที่ 300.00 บาท อิงวิธี SOTP ประเมินว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิ Q3/23E ที่อ่อนแอที่ 3.3 พันล้านบาท (+35% YoY, -59% QoQ) โดยสูงขึ้น YoY จากการรับรู้กำไรจากสต็อกของธุรกิจปิโตรเคมี ในขณะที่อ่อนตัว QoQ ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (petrochemical product price spread) ที่ลดลงและรายได้เงินปันผลที่น้อยลง
ทั้งนี้ คาดว่า petrochemical product price spread จะยังทรงตัวต่ำใน Q4/23E ตามภาพรวมอุปสงค์ทั่วโลกที่ยังคงอ่อนแอในขณะที่ยังมีอุปทานใหม่เข้ามา อีกทั้ง มองว่าบริษัทจะเห็นปริมาณยอดขายปิโตรเคมีที่ลดลงเนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะปิดซ่อมบำรุงโรงแครกเกอร์ของบริษัท ระยองโอเลฟินส์ (ROC) ประมาณ 45 วัน อย่างไรก็ดี คาดว่าบริษัทจะสามารถเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) โรงงาน LSP Petrochemical Complex ได้ใน Q4/23E
ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2023E/2024E ลง 25%/3% เป็น 3.07/3.07 หมื่นล้านบาท หลักๆจาก1) ปริมาณยอดขายปิโตรเคมีรวมที่ลดลงเป็น 2.3/3.3 ล้านตัน (mt) จากเดิม 2.9/3.5mt เพื่อสะท้อนภาพรวมอุปสงค์ที่อ่อนแอและการเลื่อน COD ของโรงงาน LSP 2) HDPE spread ที่ลดลงอยู่ในช่วง USD399/ton-USD425/ton จากเดิม USD404/ton-USD430/ton 3) รายได้จากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) ที่ลดลง 17%/18% และ 4) รายได้จากธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง (SCGP) ที่ลดลง 12%/9%
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 4% แต่ outperform SET 6% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนสถานะหุ้น global play ซึ่งได้รับผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ ทั้งนี้ ราคาปัจจุบันสะท้อน 2024E PBV ที่ 0.89x (ประมาณ -2.20SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ หากประมาณการของเราถูกต้อง กำไร 9M23E จะคิดเป็น 95% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา จึงเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรที่ลดลงต่อเนื่องใน 4Q23E เนื่องจากแนวโน้ม petrochemical product price spread ที่ยังคงอ่อนแอ อีกทั้งบริษัทน่าจะเห็นค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการซ่อมบำรุงโรงแครกเกอร์ ROC และการรับรู้ค่าเสื่อมราคาของโรงงาน LSP
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
