‘ซีพี ออลล์’ พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ช่วงที่ 2 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป อายุ 5-10 ปี ดอกเบี้ย 3.55-4.20% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “Positive” เปิดจองซื้อวันที่ 26-27 และ 30 ต.ค.66 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำ

181

มิติหุ้น – นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปในช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 26-27 และ 30 ตุลาคม 2566 ประกอบด้วย รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า โดยก่อนหน้านี้ การเสนอขายหุ้นกู้ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคมที่เปิดจองสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ CPALL23OA ได้รับความสนใจอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ สำหรับผู้ถือหุ้นกู้ CPALL23OA ที่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่นในช่วงที่ 1 ไปแล้ว หากประสงค์จะจองซื้อเพิ่มเติม สามารถจองซื้อได้ในการเสนอขายช่วงที่ 2 พร้อมกับผู้ลงทุนทั่วไป

“การเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ของ “ซีพี ออลล์” ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ลงทุนที่สามารถเข้าถึงหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และเป็นหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) จากทริสเรทติ้ง ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งทั้งสถานะทางธุรกิจและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะต่อไปได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน “ซีพี ออลล์” ยังดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยล่าสุด สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้บริษัทฯ ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2566 ด้วยการคัดเลือกบริษัทฯ ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดย “ซีพี ออลล์” ได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 6 (พ.ศ.2561-2566) ติดต่อกันแล้ว” นายเกรียงชัยกล่าว

ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์  “เซเว่น อีเลฟเว่น”  ที่ให้บริการความสะดวกกับชุมชน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,215 สาขา มีรายได้รวม 112,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สำหรับเป้าหมายการขยายสาขาในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของชุมชน โดยวางแผนจะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา และมีเป้าหมายที่จะเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาให้ครบ 100 สาขา ภายในปีนี้ โดยล่าสุด “ซีพี ออลล์” ได้เปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” สาขาแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้บริโภค

นอกจากการขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่งแล้ว “ซีพี ออลล์” ยังมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 (2018-2023) ในกลุ่ม Food Retailers & Wholesalers และยังคงรักษามาตรฐานมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในทุกมิติ รวมถึงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (2017-2022) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2018-2022) ซึ่งจะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon