จากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่ปะทุขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา กดดัน SET Index ปรับตัวลดลงแทบจะรายวัน และทำ New Low ไปแล้วถึง 6 ครั้งใน 1 เดือน! นับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งเกิดการขาย Big Lot หุ้น DELTA ทำ SET Index ดิ่งลงระดับ 1,447 จุด ถือเป็น New Low ในรอบ 2 ปี 9 เดือน จากวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ที่ระดับ 1,416 จุด
ในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 SET Index ปิดที่ระดับ 1,427 จุด ปรับตัวลงทำ New Low ใหม่ต่อเนื่องไม่เว้นวัน จนล่าสุด! SET Index ทุบสถิติทำ New Low ต่ำสุดในปี 2566 ในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ปิดที่ระดับ 1,399.35 จุด หากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ระดับ 1,678 จุด ถือว่าลดลงมากถึง 16% นักลงทุนต่างชาติแห่ขายสุทธิรวมแล้วกว่า 1.67 แสนลบ.
ตลาดหุ้นไทย โดนกระทบ?
โดยสงครามดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ สงครามนั้นทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งยังทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศจึงชะลอการลงทุน หวั่นกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
แต่ในด้านการค้าของประเทศไทยและอิสราเอล ถือว่าเล็กน้อยมาก โดยประเทศไทยส่งออกสินค้าไปประเทศอิสราเอลนั้นมีเพียง 546.69 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพียง 0.29% และนำเข้าสินค้าจากอิสราเอล ราว 311.15 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.16% จากทั่วโลกเท่านั้น โบรกฯ จึงคาดว่าสงครามดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นไหนได้-เสีย?
โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยหลักมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการเดินทางระหว่างประเทศที่น้อยลง นักท่องเที่ยวและรายได้จึงลดลง ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จะช่วยให้ หุ้นกลุ่มน้ำมัน กลับมาดีดตัว และหนุนกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น
โบรกฯ ชี้ SET เสี่ยงหลุด 1,400 จุด
ด้าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า สงครามครั้งนี้ไม่น่ายืดเยื้อ เนื่องจากกำลังทหารของอิสราเอลมีมากกว่าปาเลสไตน์ และโอกาสของสงครามที่จะขยายไปหลายสมรภูมิเป็นไปได้ต่ำ พร้อมมองแนวโน้มราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้นราว 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากอุปสงค์และอุปทานน้ำมันโลกค่อนข้างตึงตัว จะกดดันเงินเฟ้อสู่ระดับ 4% และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
อีกทั้งหากผลประกอบการ Q3/66 ของบริษัทใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด 1-2 บริษัท อาจทำให้ดัชนีถูกเทขายหลุด 1,400 จุด แนะนักลงทุนจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพยุงดัชนีในระยะสั้น รวมถึงหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูง กลยุทธ์ช่วงสั้น เก็งกำไรในหุ้นพลังงาน คาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เลือก PTTEP และ BCP
ส่วน บล.ดาโอ คาดว่าหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากความตึงเครียดที่สูงขึ้นในตะวันออกกลางและมีโอกาส Outperform ดัชนีมากสุด คือ PTTEP จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น โดยบริษัทมีสัดส่วนปริมาณน้ำมันดิบคิดเป็น 27-30% ของปริมาณยอดขายรวม และมองลบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ คือ ERW, CENTEL, SHR, MINT และกลุ่ม Aviation อย่าง AOT และ BAFS ด้วย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon