TOP วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

113

ราคาน้ำมันดิบปรับลง หลังตัวเลขการส่งออกของจีนหดตัวกว่าคาด

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

ราคาน้ำมันดิบลดกว่า 4% โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน ต.ค. ซึ่งหดตัวกว่า 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัวเพียง 3.3% แสดงในเห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ตลาดคาดว่าตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มปรับลดลงอีก จากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ส่งผลเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาด

นักวิเคราะห์จาก UBS คาดอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบจากกลุ่ม OPEC+ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อเดือน เนื่องจากอุปสงค์ในแถบตะวันออกกลางลดลงตามฤดูกาล ขณะที่ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดว่าปริมาณการใช้ปิโตรเลียมทั้งหมดในประเทศจะลดลง 300,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่จะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวัน

หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลข น้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 พ.ย. 66 ปรับขึ้นถึง 12 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงกว่า 0.3 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน : ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากจีนและอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล ขณะที่อุปทานจากตะวันออกกลางมีแนวโน้มลดลง

ราคาน้ำมันดีเซล : ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับลดลง อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่าตัวเลขการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนในเดือน พ.ย. มีแนวโน้มปรับลดลง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon