มิติหุ้น – บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ไตรมาส 3/2566 ทำรายได้จากการขาย 3,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วที่เพิ่มขึ้นรับการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการฟื้นตัวส่งผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศ คาดไตรมาสสุดท้ายได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ไฮซีซั่นและเทศกาลเฉลิมฉลอง ดันความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น พร้อมรับปัจจัยเชิงบวกจากค่าไฟที่ลดลง และวางแผนบริหารต้นทุนโดยการปรับสูตรการผลิต รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 3,417 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มเบียร์และกลุ่มโซดาและน้ำดื่ม ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยที่เพิ่มขึ้นรวมถึงธุรกิจบริการที่ฟื้นตัว ส่งผลดีต่อการบริโภคและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ภายในประเทศ และยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์ม (Flexible Plastic) จากการเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งธุรกิจซื้อมาขายไปบรรจุภัณฑ์พลาสติก (Trading) ทั้งนี้ การปรับราคาขายและสัดส่วนการขายที่เปลี่ยนแปลง (Product Mix by SKU) รวมทั้งต้นทุนพลังงาน และอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 15.2% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท หลังจากได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าใช้จ่ายทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 10,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากยอดขายบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 12.7% ซึ่งมีปัจจัยกดดันจากราคาวัตถุดิบและพลังงานสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 223 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางภาษี ที่เพิ่มสูงขึ้น
จากผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 3/2566 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) จึงมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลที่อัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 41.67 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 13 ธันวาคม 2566
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 ยังคงเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันและเทศกาลเฉลิมฉลอง รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่าของรัฐบาลที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อการบริโภคและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่ม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการปรับลดค่าไฟฟ้าเต็มไตรมาส เป็นระยะเวลา 4 เดือน (ก.ย.- ธ.ค.2566) ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนบริหารจัดการต้นทุนโดยปรับสูตรการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยโดยไม่กระทบคุณภาพ ใช้พลังงานทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการเจรจาปรับราคาสินค้า ขยายจำนวนคู่ค้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กระบวนการผลิตเพื่อช่วยในการลดต้นทุน
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส อาจส่งผลต่อราคาก๊าซธรรมชาติและราคาพลาสติกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงนโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะมีผลกระทบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ารวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่ราคาวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ราคาเศษแก้วที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากซัพพลายที่เริ่มตึงตัว ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนปรับสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุนพร้อมกับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon