SET ติดลบ 15 จุด YTD ถือว่าเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในโลก ขณะที่ตลาดหุ้นโลกค่อยๆ ทยอยปรับตัวดีขึ้น สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ขยับไปไหน คงหนีไม่การที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น จากทั้งกรณี MORE และ STARK ขณะที่ต่างชาติที่ยังขาดสุทธิกว่า 1.8 แสนลบ. รวมถึงขาดเงินลงทุนระยะยาวทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นรอบบ้าน
ซึ่งการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนยังต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก และการจะทำให้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยคงไม่ง่าย สิ่งที่ทำได้ง่ายสุดคือการหาเม็ดเงินลงทุนระยะยาว ประจวบเหมาะที่กองทุน SSF จะหมดอายุในปี 67 พอดี ทาง FETCO จึงได้เข้าหารือกับปลัดกระทรวงการคลังในวันที่ 14 พ.ย.66 ในการเสนอกองทุนแบบใหม่ๆ
ได้เห็นชอบจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน Thailand ESG Fund หรือ TESG สนับสนุนการออมระยะยาว โดยมีเป้าหมายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ ESG และรวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยใช้ระยะเวลาในการลงทุน 8 ปี เริ่มเปิดให้ลงทุนได้ในเดือน ธ.ค. 66 และผู้ที่เข้ามาลงทุนจะได้รับการลดหย่อนภาษีใ เดือน มี.ค. 67 โดยประเมินว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นลบ.
น้องใหม่ไม่ว้าว…เท่ารุ่นพี่
แต่หากจะเทียบชั้นกับกองทุนรุ่นพี่อย่าง LTF และ SSF อาจจะไม่ได้ ว้าว… อย่างที่คิด อาทิ การลดหย่อนภาษีที่ให้ไม่เกิน 100,000 บาท ถือว่าน้อยสุดในรุ่น ประกอบกับจำกัดให้ลงทุนเฉพาะหุ้นไทยที่เป็น ESG และตราสารหนี้เท่านั้น ขณะที่ LTF ลงทุนหุ้นไทยได้ทุกตัว ส่วน SSF ลงทุนได้ทุกประเภท
ทางตลาดหลักทรัพย์เองได้เตรียม SET ESG Ratings รอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีหุ้นที่ผ่านเข้ามาในดัชนี ทั้งหมด 193 บริษัท ซึ่งได้จัดอันดับเรตติ้ง ตามผลการประเมินหุ้นยั่งยืน เป็น 4 ระดับ ได้แก่ AAA มีจำนวน 34 หุ้น , AA มีจำนวน 70 หุ้น , A มีจำนวน 64 หุ้น และท้ายสุด BBB มีจำนวน 25 หุ้น
ถ้าลองส่องเข้าไปจะพบว่าจะมีหุ้นบางตัวในเรทติ้ง BBB ที่ดูเหมือนจะมีความพิเศษบางอย่างหลุดเข้ามาในตะกร้าด้วย ดังนั้นการเข้ามาลงทุนใน SET ESG Ratings จะสามารถเชื่อใจได้จริงหรือไม่
กองทุนช่วยหุ้นไทยได้จริงหรอ?
ด้าน นายนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการ บล.ไอร่า กล่าวว่า กองทุน TESG ต้องถือ 8 ปี ลองคิดดูว่า 8 ปี SET จะเป็นขาขึ้นไหม? จะได้ผลตอบแทนรึเปล่า? โดยปกติกองทุนรวมจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10-15% ถ้า 8 ปีจะเป็น 120% หากนำมาคูณกับ SET ปัจจุบัน ดัชนีต้องถึงไปถึง 3,000 จุด คิดว่าเป็นไปได้ไหมหรือมีหุ้น ESG มีตัวไหนที่สามารถขึ้นได้
ตั้งแต่ต้นปีกองทุนใช้เงินลงทุนเข้าซื้อหุ้นไทยไปแล้ว 9.3 หมื่นลบ. ที่ระดับ 1,685 จุด แต่ SET กลับลงมาที่ระดับ 1,400 จุด ดังนั้นการตั้งกองทุนขึ้นมาเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น คุณภาพ ซึ่งหุ้นต่างประเทศยังดูดีกว่า
ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การที่กองทุน TESG บังคับซื้อหุ้นไทยแบบมีหลักเกณฑ์ในหุ้น ESG ถือว่าดี จากผลสำรวจพบว่าหุ้นที่ได้เรทติ้งสูงๆ สามารถเติบโตได้ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและค่าความเสี่ยง เชื่อว่า 8 ปีข้างหน้า ผลตอบแทนจะเป็นบวก ประกอบกับดัชนีที่อยู่ในระดับ 1,400 จุด ซึ่งไม่ได้แพง
ซึ่งการเป็นหุ้น ESG ถือว่าเป็นหุ้นที่ยั่งยืนและเหมาะกับการลงทุนระยะยาว ใครที่มีความเสี่ยงต่ำจะได้เปรียบ โดยคิดว่าเป้าหมายแรกที่กองทุน TESG จะเข้ามาอยู่ในเรตติ้ง AAA หรือ AA อาทิ ADVANC, CPALL, KBANK, KTB, CPAXT, CRC, PTTGC, CPF, SCGP
จากสถิติกองทุนที่ผ่านมา SET ในเดือน ธ.ค. ช่วงที่มี LTF และ SSF ปรับตัวขึ้นได้ดีขึ้น นอกจากจะมีปัญหาอื่นเข้ามา อาทิ ประเด็นทางการเมืองในประเทศ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดังนั้นมั่นใจกองทุนสามารถทำตามเป้า 1 หมื่นลบ. ได้ในเดือน ธ.ค.66 ช่วยจำกัดการปรับตัวลงของดัชนี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon