มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ปกติแล้วไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่ผู้ค้าปลีกจะมีผลประกอบการแข็งแกร่งสุด เพราะผู้บริโภคซื้อสินค้ากันคึกคักช่วงเทศกาลสิ้นปี โดยในปี 61-65 ยอดขายและกำไรดำเนินงานปกติไตรมาส 4 ของผู้ค้าปลีก มีสัดส่วนเฉลี่ย 26.8% และ 30.7% ของยอดทั้งปี แต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ พบว่ายอดขายมีแนวโน้มอ่อนตัว อาจทำให้สัดส่วนกำไรไตรมาส 4 ของค้าปลีกส่วนใหญ่ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
ทั้งนี้จากการสำรวจการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของผู้ค้าปลีกช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 66 พบว่าอุปสงค์สินค้าฟุ่มเฟือยอ่อนตัวลง น่าจะมีสาเหตุจาก 1.กำลังซื้อลดลง เนื่องจากหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูงขึ้น 2.ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายจากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมทั้งความมั่งคั่ง (wealth effect) ลดลง หลังดัชนี SET ดิ่งลงแรง
โดยในเดือนต.ค.-พ.ย. 66 กลุ่มแฟชั่นของ CRC ในไทยน่าจะมี SSSG อยู่ที่ -1%, กลุ่มฮาร์ดไลน์ในไทยน่าจะอยู่ที่ -3% ส่วนผู้ประกอบการกลุ่ม Home Improvement ทุกบริษัท น่าจะมี SSSG ติดลบ (HMPRO -5%, GLOBAL -12.5%, DOHOME -1%, และไทวัสดุ บริษัทลูกของ CRC -3%)
ฝ่ายวิจัย ซีจีเอสฯเชื่อว่า การใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนธ.ค.นี้อาจลดลงอีก เพราะผู้บริโภครายได้ปานกลางถึงสูง อาจชะลอซื้อสินค้าที่มีราคาสูง โดยไปซื้อในเดือนม.ค.67 แทน เพื่อรับประโยชน์จากโครงการ e-tax refund ที่จะมีผลวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 67
สำหรับผู้ค้าปลีกสินค้าประเภทอาหารนั้น ฝ่ายวิจัยฯคาดว่า SSSG จะเป็นบวกในเดือนต.ค.-พ.ย. 66 (7-Eleven +3%, Makro +3%, Lotus’s Thailand +5%, BigC +0.1%, ซุปเปอร์มาร์เก็ตของ CRC ในไทย: +0.5%) ทั้งนี้เชื่อว่า Lotus ประเทศไทย น่าจะมี SSSG สูงสุดในกลุ่ม หนุนโดยการปรับกลยุทธ์หันมาจำหน่ายสินค้าอาหารมากขึ้น
ฝ่ายวิจัยฯยังคาดว่าคู่แข่งของ Lotus’s อย่าง BigC จะมียอดขายอาหารเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค.-พ.ย. 2023 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มฮาร์ดไลน์ของ Bigc ลดลงมาก จึงคาดว่ายอดขายสาขาเดิมของ BigC จะไม่เติบโตในช่วงดังกล่าว
แม้ว่ายอดขายที่คาดอ่อนตัว อาจกดดันราคาหุ้นของผู้ค้าปลีกในช่วงนี้ แต่มองเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นในราคาที่น่าสนใจเพราะปี 67 น่าจะเป็นปีที่ดีขึ้นของผู้ค้าปลีก ผลจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่นโครงการ e-tax refund และโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
เชื่อว่าผู้ค้าปลีกที่มีสัดส่วนสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง อย่าง CRC, DOHOME จะอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนช่วงครึ่งหลังปีหน้า เพราะคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 68 จึงยังแนะนำ Overweight กลุ่มค้าปลีก โดยมี CPALL และ DOHOME เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม
CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 76.50 บาท คาดว่าจะมี EPS เติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 4/66 และปี 67 ช่วยหนุนราคาหุ้น อีกทั้งประเมินมูลค่าปัจจุบันที่ P/E 21 เท่าในปี 67 ยังน่าสนใจ ส่วน Dohome ให้ราคาเป้าหมาย 14.60 บาท คาดว่าจะมี EPS เติบโตแข็งแกร่งสุด เป็นหุ้น Turnaround play ที่ดีสุดในกลุ่มค้าปลีกในปี 67 เนื่องจากจะมี SSSG ฟื้นตัว, อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นรวมทั้งมี Operating leverage
สำหรับ CRC ให้ราคาเป้าหมาย 46.25 บาท แม้คาดว่าราคาหุ้นจะมี sentiment เชิงลบ เมื่อรายงานผลประกอบการอ่อนตัวในไตรมาส 4 แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อหุ้นก่อนที่ EPS จะกลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่งในครึ่งหลังปี 66 และปี 68
ฝ่ายวิจัยฯมอง downside risk ของกลุ่มค้าปลีก จะมาจากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น หากรัฐบาลไม่ต่อมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้า และการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนปัจจัยบวกคือสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แข็งแกร่ง และยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น น่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon