YLG เผย 4 ปัจจัยหนุนทองคำทำสถิติใหม่ในปี 2567 ลุ้นไตรมาสแรกราคาพุ่งสูงตลอดกาลรอบใหม่แตะ 2,200 ดอลลาร์

108

มิติหุ้น  –  วายแอลจีเปิด ปัจจัยหนุนราคาทองคำทะยานตลอดปี 2567 นำโดย ปัจจัยบวกแรก อัตราดอกเบี้ยขาลง ตามด้วยธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำต่อเนื่อง ปัจจัยความไม่สงบระหว่างประเทศ และนักลงทุนโยกเงินลงทุนพักในตลาดทองคำ พร้อมคาดภายในไตรมาสแรกปีหน้า มีโอกาสเห็นทองทำราคาสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ที่ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังตลาดคาดการณ์ไตรมาสแรกเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย พร้อมแนะนักลงทุน ระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ สามารถหาเข้าซื้อเก็งกำไรจากการแกว่งตัวในกรอบได้ ส่วนแนวต้านมองโซน 2,070 – 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนปี 2567 ระยะยาว รอย่อตัวก่อนทยอยเข้าซื้อสะสม ที่แนวรับ 1,902-1,847 ดอลลาร์ต่อ ขณะแนวต้านรอทดสอบ 2,144-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ด้านราคาทองคำในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่ 31,500-30,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวต้านประเมินที่โซน 35,500-36,400 บาทต่อบาททองคำ  พร้อส่งโปรโมชันพิเศษตอนรับปีใหม่ เปิดพอร์ตซื้อขายทองกับ YLG Online วางเงินเพียงประกัน 50,000 บาท จากปกติ 100,000 บาทหรือวางทองเริ่มต้น 2 บาททอง ซื้อทอง 99.99% ได้ทอง 1 กิโลกรัม หรือซื้อทอง 96.5ได้ทองถึง 10-60 บาททอง และบริการซื้อขายและออมทองผ่านแอปฯ ออมทอง by YLG (Get Gold by YLGเริ่มต้นลงทุนทองด้วยเงิน 100 บาท รองรับการสะสมทองคำสำหรับนักลงทุนรายย่อย

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  (YLG)  กล่าวว่าในปี 2566 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ ถือว่าเป็นปีที่ตลาดทองคำคึกคักเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะได้รับปัจจัยกดดันจากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ในไตรมาสที่ 4/2566 เป็นช่วงที่เฟดเริ่มหยุดการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลให้ราคาทองคำได้ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ถึงแม้ว่าล่าสุดราคาทองคำจะปรับลดลงมาแต่ระยะสั้นก็ยืนได้เหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าราคายังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการเคลื่อนไหวของทองคำในปี 2567 วายแอลจี มองว่าตลาดทองคำจะกลับมาคึกคักมากกว่าปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ และราคาทองคำมีโอกาสสร้างสถิติใหม่ที่คาดว่าจะได้เห็นภายในสองไตรมาสแรกของปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ที่ต้องจับตา ปัจจัย ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง ปัจจัยนี้ถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อราคาทองคำอย่างมาก เมื่อไม่มีปัจจัยกดดันจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว มองว่าในช่วงปลายไตรมาส 1/2567 ถึงไตรมาส 2/2567 จะได้เห็นราคาทองคำมีโอกาสแตะ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่านโยบายดอกเบี้ยของเฟดจะเริ่มเป็นขาลงในช่วงดังกล่าวเป็นต้นไป ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อราคาทองคำในทันที เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ดังนั้น ทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลงจึงส่งผลให้ทองคำน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น

ธนาคารกลางทั่วโลกยังสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงดำรงสถานะซื้อทองคำในปี 2566 นำโดยธนาคารกลางจีน โปแลนด์ สิงคโปร์ ลิเบีย และอินเดีย ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะทำการซื้อสุทธิทองคำรอบใหญ่อีกครั้ง จากผลสำรวจสภาทองคำโลก (WGC) พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมที่จะเข้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองเพิ่มอีก 24% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าความขัดแย้งระหว่างประเทศจะเป็นที่รับรู้ของนักลงทุนมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะต้องจับตา เนื่องจากมีความขัดแย้งครั้งใหม่ๆ ที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างอิสาเอล-ฮามาส โดยเป็นความรุนแรงในแถบทะเลแดง หลังกลุ่มฮูตีของเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทำการโจมตีเรือที่แล่นผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบในทะเลแดง เพื่อตอบโต้กรณีที่อิสราเอลปฏิบัติต่อฉนวนกาซา ซึ่งล่าสุดสหรัฐได้จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจ 10 ประเทศ เพื่อเตรียมตอบโต้ ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่ยังต้องจับตาว่าจะเกิดเหตุลุกลามบานปลายหรือไม่

นักลงทุนโยกเงินลงทุนเข้ามาพักในตลาดทองคำเพื่อหลีกหนีความเสี่ยงจาก ตลาดหุ้น ที่มีโอกาสปรับฐาน โดยแม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง แต่หากย้อนอดีตไปในช่วงเวลาที่มีการเริ่มลดดอกเบี้ยจริงๆแล้ว ในช่วงเวลานั้นตลาดหุ้นสหรัฐมักจะมีการย่อปรับฐาน เนื่องจากการที่บรรดาธนาคารกลางรีบเร่งในการลดดอกเบี้ย มักจะสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการชะลอตัวลง แต่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อทองคำ

ส่วนปี 2567 ในภาพระยะยาว เนื่องจากราคาทองคำค่อนข้างเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงแล้ว จึงแนะนำให้รอการย่อตัวลงแล้วค่อยทยอยเข้าซื้อสะสม หากราคายืนเหนือโซนแนวรับ 1,902-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของเดือนก.ค. 2023 และเดือนก.ย. 2023 ตามลำดับ) ขณะที่โซนแนวต้านรอทดสอบที่ 2,144-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่ 31,500-30,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวต้านประเมินที่โซน 35,500-36,400 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.90 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 20 ธ.ค. 2566 เวลา 12.00น.)

ทั้งนี้วายแอลจีมีคำแนะนำนักลงทุนในปี 2567 ลงทุนในลักษณะทำกำไรส่วนต่างราคาทองคำในประเทศ โดยมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนส่วนตัวให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ต้อนรับปีใหม่กับโปรโมชันพิเศษให้นักลงทุนเปิดพอร์ตซื้อขายทองกับ YLG Online วางเงินเพียงประกัน 50,000 บาท (จากปกติ 100,000 บาท) หรือวางทองเริ่มต้น 2 บาททอง โดยสามารถซื้อทอง 99.99% ได้ทอง 1 กิโลกรัม หรือซื้อทอง 96.5% ได้ทองถึง 10-60 บาททอง สนใจสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ที่ : https://bit.ly/3REoCQx ทั้งนี้หากนักลงทุนต้องการสะสมทองคำเพื่อสร้างความมั่งคั่งระยะยาว วายแอลจีแนะนำลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA) ใช้วินัย ค่อยๆสะสม แทนการใช้อารมณ์ หรือออมทองคำอย่างสม่ำเสมอ ผ่านแอปพลิเคชันออมทอง by YLG (Get Gold by YLG) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซื้อ-ขาย และสะสมทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง และเข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย และสะสมทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาทเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/40npYkF  หรือโทร. 0-2678-9888 #2

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon