มิติหุ้น – นางสาวพิณแก้ว ทรายแก้ว รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนมีมติจ่ายปันผลให้กับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส สำหรับงวดผลการดำเนินงาน 1 ปี สำหรับรอบวันที่ 1 ธ.ค. 2565 – 30 พ.ย. 2566 โดยจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 26 ธ.ค. 2566 นี้ รวมเป็นเงินปันผลกว่า 68 ล้านบาท โดยการจ่ายปันผลครั้งนี้ แบ่งเป็น (1) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBS&P500) ในอัตรา 0.3200 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งที่ 21 นับแต่วันจัดตั้งกองทุน (2) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) (SCBS&P500(SSFE)) ในอัตรา 0.2100 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งที่ 3 นับแต่วันจัดตั้งกองทุน และ(3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBS&P500-SSF) ในอัตรา 0.2700 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งที่ 3 นับแต่วันจัดตั้งกองทุน โดยทั้ง 3 กองทุน มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยกองทุน SCBS&P500 จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.1400 บาทต่อหน่วย ทำให้มียอดรวมการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ที่อัตรา 0.4600 บาทต่อหน่วย และกองทุน SCBS&P500(SSFE) จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.2700 บาทต่อหน่วย ทำให้มียอดรวมการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2566 ที่อัตรา 0.4800 บาทต่อหน่วย และกองทุน SCBS&P500-SSF จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.1100 บาทต่อหน่วย ทำให้มียอดรวมการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2566 ที่อัตรา 0.3800 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ
กองทุน SCBS&P500 เป็นกองทุนดัชนี ที่เป็นกองทุน Flagship ของ SCBAM ซึ่งจุดเด่นของการลงทุนในกองทุนดัชนี คือ สามารถใช้เป็นตัวเลือกกระจายความเสี่ยงการลงทุน และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการปรับตัวของดัชนี โดยกองทุน SCBS&P500 จะเน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจขนาดใหญ่ 500 ตัวแรก คิดเป็น 80% ของมูลค่าการลงทุนของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง SCBAM รองรับการลงทุนทั้งชนิดสะสมมูลค่า ชนิดจ่ายปันผล และหากนักลงทุนต้องการลงทุนพร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี ก็สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งชนิดกองทุน SSF และกองทุน RMF รวมถึงการลงทุนที่ฟรีค่าธรรมเนียมกับชนิด e-class หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บนแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click
นางสาวพิณแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวในเชิงบวก สะท้อนให้เห็นจากตัวเลขด้านผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ รวมถึงตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างเช่น ยอดค้าปลีกและตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาดีกว่าคาด และมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีโอกาสฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้ง การประชุม FED ครั้งล่าสุด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25%-5.50% แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อจึงแนะนำเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุน เพื่อรอรับจังหวะตลาดสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวได้”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon