มิติหุ้น – AURA ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณและเครื่องประดับที่มีบริการครบวงจรแบบ one stop service ทั้งการขาย รับซื้อคืน ขายฝากสินค้า และบริการหลังการขาย
ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า AURA นอกจากแบรนด์หลัก AURORA ที่ให้บริการครบวงจรแล้ว ยังมีแบรนด์อื่นๆ ได้แก่ เซ่งเฮง, AURORA Diamond, ของขวัญ by AURORA และทองมาเงินไป ซึ่งจะมีสินค้าและบริการแตกต่างกันไป ทั้งนี้ AURA จะสามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงราคาทองปรับขึ้นและลง โดยกำไรจะมาจาก 1) ค่ากำเหน็จ , 2) ส่วนต่างราคาขายและต้นทุนทอง และ 3) ส่วนลดจากการรับซื้อทอง
AURA ตั้งเป้าขยายสาขาปี2024E เป็นมากกว่า 400 สาขา สูงสุดในประเทศ การเติบโตของ AURA ปัจจัยสำคัญยังอยู่ที่การเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา เนื่องจากลูกค้ายังคงเลือกซื้อ-ขายทองผ่านหน้าร้านเป็นหลัก โดยปี 2023E จะมีสาขาไม่น้อยกว่า 343 สาขา เพิ่มจากสิ้นปี 2022 ที่มี 279 สาขา และปี 2024E AURA ตั้งเป้ามีสาขาเพิ่มเป็น 416 สาขา สำหรับโอกาสในการเปิดสาขาใหม่ยังมีอีกมาก โดยร้านทองในห้างสรรพสินค้า AURA ยังมีสัดส่วนไม่ถึง 20% จากทั้งหมด 1.4 พันสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก (ไม่รวมทองมาเงินไป) จะมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ย 8.5-9.5 ล้านบาท/สาขา/ปี
ด้านธุรกิจขายฝากยังคงมีศักยภาพการเติบโตสูง ณ 30 ก.ย.23 AURA มีพอร์ตลูกหนี้ขายฝาก 2.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ 1.9 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าปี 2024E จะเพิ่มเป็น 3.8 พันล้านบาท โดยในปี 2024E ตั้งเป้าจะมีสาขาทองมาเงินไปไม่ต่ำกว่า 100 สาขา จากสิ้นปี 2022 ที่มี 40 สาขา
ซึ่งจะส่งผลให้ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้ดอกเบี้ยรับปี 2023E-24E เติบโตโดดเด่นเป็น 297 ล้านบาท +34% YoY และ 416 ล้านบาท +40% YoY (ประเมินอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 12.5% ต่อปี)
ขณะที่กำไร Q4/23E และปี 2024E จะยังเติบโตสูง ตามการขยายสาขา และพอร์ตขายฝาก โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2023E จะอยู่ที่ 856 ล้านบาท +21% YoY โดยกำไรงวด 9M23 คิดเป็น 71% จากทั้งปี สำหรับ Q4/23E เบื้องต้นประเมินกำไรที่ 247 ล้านบาท +17% YoY, +75% QoQ จาก 1) ธุรกิจค้าปลีก เป็นช่วง high season จากการซื้อทองเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ และยังได้ประโยชน์จากราคาทองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาขายและต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น และ 2) ธุรกิจขายฝาก จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นตามยอดลูกหนี้ขายฝาก สำหรับปี 2024E จะมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1.05 พันล้านบาท +23% YoY จาก 1) แผนขยายสาขาใหม่ และ 2) ธุรกิจขายฝากที่เติบโต นอกจากนั้น หากภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย จะทำให้ประชาชนมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นและภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัว ส่งผลให้จะมีการความต้องการซื้อทองเพิ่มขึ้น Valuation/Catalyst/Risk
พร้อมประเมินราคาเป้าหมายที่ 18.00 บาท อิง 2024E PER ที่ 23 เท่า (-1.5SD below 1-yr avg. PER) ซึ่งเทียบเท่า PEG 1.0 เท่า (อัตราการเติบโตกำไรปี 2024E-25E เฉลี่ย 23% CAGR, ปี 2024E EPS ที่ 0.79 บาท/หุ้น) โดยมี catalyst จากกำไร Q4/23E และปี 2024E ที่จะกลับมาเติบโตดี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon