มิติหุ้น-เปิดศักราชลงทุนปี 67 ในปีมังกรทอง ยังไม่รู้ว่าหุ้นไทยจะออกหัวหรือก้อย
หลังจาก SET Index ปิดตลาดส่งท้ายปี 66 ที่ระดับ 1,415.85 จุด ผลงานบ๊วยสุดในภูมิภาคติดลบ 15.15% นักลงทุนต่างชาติขนเงินหนีตายออกจากหุ้นไทยจนมียอดขายสุทธิ เฉียด 2 แสนลบ.
แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายสำนักยังค่อนข้างมั่นใจว่าในเดือนม.ค. 67 นี้ น่าจะเกิด “January Effect”
ด้วยข้อมูลทางสถิติ 10 ปีย้อนหลัง ระหว่างปี 2557-2566 พบว่า 7 ปี ใน 10 ปี SET Index ในเดือน ม.ค. โดยเฉลี่ยจะบวก 1.28%
“January Effect” ของแท้หรือแค่หลอกลวง
“กรรณ์ หทัยศรัทธา” นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวย้ำว่า มีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นไทยจะเกิด “January Effect” เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยในปี 66 ด้วยภาวะ “Tax Loss Carryforward” คือ ขายหุ้นที่ขาดทุนเพื่อให้ได้สิทธิลดหย่อนทางภาษี
ฝรั่งบางกองขายช่วงปลายปี เพราะต้องการเริ่มต้นลงทุนในปี 67
หรือบางกองเตรียมซื้อเพื่อดักรับเงินปันผล ซึ่งบจ.ไทยจะมีเทศกาลปันผลในเดือนมี.ค. ดังนั้นต้องเริ่มซื้อตั้งแต่เดือนม.ค. นี้
ด้วยหลายปัจจัยนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงจะเกิด “January Effect”
เมื่อรู้ว่ากองฝรั่งต้องซื้อหุ้นไทย ดังนั้นธีมลงทุนปีนี้ ต้องเลี่ยงลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก และจะต้องลงทุนหุ้นใหญ่ บรรดาบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นใน SET50 แต่ต้องเลือกธุรกิจที่รู้จักและคุ้นเคย ตัวที่พอจะลงทุนได้ภายใต้สถานการณ์นี้ คือ CPALL ซึ่งที่ผ่านมาจะถูกขายหนัก แต่เนื่องจากความกังวลของCPAXT คอยฉุด ทั้งที่พื้นฐานไม่ได้เลวร้าย
ส่วนDELTA นั้นอาจไม่ใช่ไทม์มิ่งเหมาะสม เพราะมีแนวโน้มว่างบ Q4/66 จะออกมาไม่ดี เนื่องจากออเดอร์รถEV อาจมีปัญหา ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่เข้าโซนราคาแพงแล้ว หากหลุดไปที่ระดับบริเวณ 70 บาท ความน่าสนใจจึงจะกลับมา
คอนเฟิร์ม “DELTA” หมดวาสนาไปต่อ
ด้าน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับหุ้น DELTA ว่า คาดกำไร Q4/66 ที่ 4.79 พันลบ. ลดลง 5.1% เทียบQoQ กำไรปกติส่งสัญญาณชะลอตัว ตามยอดขายกลุ่มEV ที่ชะลอตัว คาดเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 66 ที่ 0.46 บาทต่อหุ้น อิง Payout Raito 33% คิดเป็นYield ที่ราว 0.5%
แม้ว่าจะปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 67 ขึ้นเป็ฯ 67 บาท ภายหลังปรับปรุงประมาณการกำไรปี 2566-2567 ขึ้น 12% และ 20% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปกติปี 2566-2567 ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท โต 22% และ 2 หมื่นล้านบาท โต 14% แล้วก็ตาม
แต่ยังคง แนะนำ “ขาย” เนื่องจากหุ้นซื้อขาย บน PER67 ที่ 56 เท่า เทียบกับการเติบโตที่ 14% บนงบ Q4/66 เริ่มส่งสัญญาณเริ่มชะลอตัว QoQ
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon