การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 67 อาจไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์

201

มิติหุ้น  –  ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า การขยายกำลังการผลิต PE (polyethylene) และ Naphtha cracker ชะลอตัวลงทั่วโลก เชื่อว่าเสปรดโดยรวมของ Naphtha cracker น่าจะเริ่มฟื้นตัวช่วงครึ่งหลังปี 67 ภายใต้สมมติฐานที่อุปสงค์เติบโต เมื่อ GDP multiple กลับมาอยู่ระดับปกติที่ 1.4-1.5 เท่า

 

ขณะที่การขยายกำลังการผลิตระลอกถัดไปในจีน น่าจะทำให้อุตสาหกรรมเข้าสู่วงจรขาลงในช่วงปลายปี 68 ซึ่งเท่ากับว่าวงจรรอบนี้จากจุดต่ำสุดจนถึงจุดสูงสุด จะใช้เวลาเพียง 1.5 ปีเท่านั้น เทียบกับวงจรที่ผ่านมาในอดีตที่ 2-5 ปี

 

สำหรับ upside risk มองว่าอาจมาจากต้นทุนแนฟทาที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจาก Naphtha cracker ในยุโรป มีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ทำให้อุปสงค์ของแนฟทาลดลง

 

ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า การที่จีนขยายกำลังการผลิตจำกัด จะทำให้กำลังการผลิต PX ทั่วโลกช่วงปี 67-69 เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2mtpa เทียบกับ 4-9mtpa ในปี 63-66  นอกจากนี้ อุปทาน benzene น่าจะลดลงเหลือ 0.9mtpa ในปี 67  เทียบกับประมาณ 3mpta ในปี 63-66 ดังนั้นโรงกลั่นที่มีโรงงานอะโรเมติกส์ครบวงจร อย่าง TOP และ  PTTGC น่าจะได้ประโยชน์จากขาขึ้นของสเปรด PX และ benzene ในปีหน้า

 

ฝ่ายวิจัยฯมองว่า การผลิตที่ไม่ได้ใช้งานจำนวนมาก น่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ขั้นกลางและขั้นปลายในห่วงโซ่โพลีเอสเทอร์ ประกอบด้วย PTA , MEG และ PET  จะยังมีสเปรดอ่อนตัวต่อในปี 67 อีกหนึ่งปี ยกเว้นว่าอุปสงค์จากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

แต่เชื่อว่าการเติมสต็อกช่วยหนุนสเปรดของฟีนอล, BPA, PP และ ABS  จะยังไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมองว่า กรณีที่อยู่อาศัยของจีนเติบโตช้า บวกกับตลาดอสังหาริมทรัพย์อ่อนตัว จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อสเปรดของ PVC

 

ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรม PX จึงปรับเพิ่มคำแนะนำ  TOP เป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และ PTTGC เป็น “ถือ” จาก “ขาย” ขณะเดียวกันแม้ว่าสเปรด PE/PP มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ปรับลดแนะนำ SCC เป็น “ขาย” จาก “ถือ” เพราะมองว่าบริษัทยังมีปัจจัยลบจาก Naphtha cracker ใหม่ในเวียดนาม

 

นอกจากนี้ เชื่อว่าการที่ PTTGC มีพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่กระจายตัว จะทำให้สถานการณ์ของ PTTGC ในปีหน้า ดีกว่า SCC, IVL และ IRPC ทั้งนี้ยังแนะนำ Neutral สำหรับกลุ่มเคมีภัณฑ์ในเอเชีย เพราะผลิตภัณฑ์ขั้นกลางบางกลุ่มยังมีอุปทานล้นตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์ขั้นต้นอย่าง PX, เอทิลีนและPE สเปรดน่าจะฟื้นตัวปีหน้า

 

โดยมองว่า upside risk จะมาจากความต้องการพลาสติกในเอเชีย ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk คือต้นทุนวัตถุดิบที่สูงกว่าคาด

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon