มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent น่าจะอยู่ที่ 78/75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 67/68 โดยเชื่อว่าซาอุดิอาระเบียจำเป็นต้องลดอุปทานน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ประเทศสมาชิกอาจไม่ปฏิบัติตามมติของ OPEC
ขณะที่คาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะกลับมาเติบโตในอัตราปกติที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 67 จาก 2.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 65 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent ปีนี้มาที่ 78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิม 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ยังคงประมาณการปี 68 ไว้ที่ 75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับอุปสงค์และอุปทานของปิโตรเคมีและโรงกลั่นนั้น เชื่อว่าการที่อุปทาน PX (paraxylene) ในเอเชียเพิ่มขึ้นจำกัด จะส่งผลให้สเปรด PX-แนฟทาเป็นขาขึ้นช่วงปี 67-68 นอกจากนี้ การขยาย Naphtha cracker ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง จะทำให้สเปรด PE (polyethylene) และ PP (polypropylene) กลับมาเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
ส่วนอุตสาหกรรมโรงกลั่น ฝ่ายวิจัยฯคาดว่า ค่าการกลั่นสิงคโปร์จะกลับมาอยู่ระดับปกติ 6.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลปีนี้ เทียบกับ 6.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลปีที่แล้ว เนื่องจากอุปสงค์ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเติบโตลดลง แต่ความล่าช้าของการเปิดดำเนินงานกำลังการผลิตใหม่ในไนจีเรียและเม็กซิโก อาจทำให้มี upside
ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่า ปีนี้ รัฐบาลจะยังแทรกแซงราคาเชื้อเพลิงในประเทศ อาจส่งผลต่อ OR และ PTT โดยปีที่แล้วรัฐบาลคว่ำมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สองงวด จากปกติที่ปรับปีละสามงวด ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง สะท้อนความเสี่ยงจากการกำกับดูแล
นอกจากนี้ ยังมองว่า ความพยายามของรัฐบาลที่จะลดค่าไฟฟ้า อาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างราคา pool gas ซึ่งจะกระทบต่อกำไรสุทธิของ PTT และ PTTGC ในระยะยาว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อาจสูงขึ้น จากการกู้เงินของรัฐในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำให้หุ้นที่มีหนี้สินสูงต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น
ฝ่ายวิจัยฯ ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทยเป็น Neutral จาก Underweight สะท้อนสมดุลที่ดีขึ้น ระหว่างอุปสงค์และอุปทานของกลุ่มปิโตรเคมี ขณะที่ EBITDA ของโรงกลั่นไทย จะมีแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น TOP เป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SPRC เพราะเชื่อว่าจะมีค่าขนส่งลดลง
ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ปรับเพิ่มคำแนะนำ PTTGC เป็น “ถือ” จาก “ขาย” เนื่องจาก EBITDA จะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในปี 66 แล้ว แต่กลุ่มอาจมี downside risk จากมาตรการประชานิยมของรัฐ
สำหรับผู้ประกอบการในห่วงโซ่ธุรกิจก๊าซ เลือก PTTEP เป็นหุ้นแนะนำ เนื่องจาก PTTEP น่าจะมีความเสี่ยงที่รัฐจะขอความร่วมมือในมาตรการต่างๆ น้อยกว่า PTT ส่วน upside risk ของกลุ่มจะมาจากอุปสงค์ที่เติบโตสูงกว่าคาดของเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์จากการกลั่น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon