มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 10 แห่งที่ฝ่ายวิจัยศึกษา (AP, LH, LPN, PSH, QH, SPALI, SIRI, ANAN, ORI และ SC) จะมีกำไรจากดำเนินงานปกติไตรมาส 4/66 รวม 8.18 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% qoq แต่ลดลง 22% yoy ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของปี 66
ขณะที่คาดรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% qoq แต่ลดลง 13.2% yoy เพราะผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย, เศรษฐกิจขยายตัวลดลง, ความไม่แน่นอนระดับมหภาค และการสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลาย LTV วันที่ 31 ธ.ค. 65 ยังส่งผลให้การปฏิเสธให้สินเชื่อและยอดยกเลิกจองเพิ่มขึ้น
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากการขายอสังหาฯไตรมาส 4 น่าจะเพิ่มเป็น 32.7% จาก 31% ในไตรมาส 3/66 แต่ก็ยังต่ำกว่า 34.4% ในไตรมาส 4/65
ฝ่ายวิจัย CGSI คาดว่า กลุ่มอสังหาฯจะมีกำไรปกติลดลง 15.5% yoy มาที่ 3.067 หมื่นล้านบาทในปี 66 เนื่องจากรายได้และ GPM จากการขายอสังหาฯ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน (JV) ลดลง กำไรปกติของปี 66 จะต่ำกว่าประมาณการทั้งปีที่ 5.8% เหตุจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ต่ำกว่าคาด และ SG&A สูงกว่าคาด
สำหรับปี 67 นี้ คาดว่ากลุ่มอสังหาฯ จะมีกำไรปกติกลับมาเติบโต 13% yoy จากยอด presales ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและ JV ทั้งนี้เชื่อว่า LH, SPALI และ SC จะมีกำไรเติบโตสูงที่สุดในปี 67
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) คาดการณ์ว่า โครงการเปิดใหม่และอุปสงค์ของอสังหาฯในกรุงเทพฯจะเพิ่มขึ้น 5% yoy เป็น 106,613 ยูนิต และ 88,856 ยูนิตในปี 67 ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าโครงการใหม่จะเพิ่มขึ้น 7% yoy เป็น 5.989 แสนล้านบาท จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 5.62 ล้านบาท/ยูนิตในปีนี้
ฝ่ายวิจัย CGSI เชื่อว่า โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบส่วนใหญ่ที่เปิดตัวปีนี้เป็นโครงการระดับไฮ-เอนด์ ซึ่งอุปสงค์มีความยืดหยุ่นต่อปัจจัยลบมหภาค, มีสัดส่วนการชำระเงินเป็นเงินสดสูง และมีอัตราการปฏิเสธให้สินเชื่อต่ำ นอกจากนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมราคาจับต้องได้ และโครงการระดับกลางเพิ่มขึ้น เพราะยังมีความต้องการของผู้อยู่อาศัยจริงจากลูกค้าในประเทศ, การซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน และอุปสงค์จากลูกค้าต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง
ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) กลุ่มอสังหาฯ เพราะแม้ว่า presales และการเติบโตของกำไรจะยังชะลอตัวในปี 66-67 แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.9-7.1% จะช่วยจำกัด downside รวมถึงการประเมินมูลค่าปัจจุบันที่ P/E 7.9 เท่าในปีนี้ ใกล้แตะ -2SD ของค่าเฉลี่ย P/E ล่วงหน้า
เลือก AP, LH และ SPALI เป็นหุ้น Top pick ชอบ LH และ SPALI เพราะกำไรปกติต่อหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งปีนี้ อีกทั้งเงินปันผลของ LH อาจมี upside จากการขายสินทรัพย์ ชอบ AP เพราะธุรกิจอสังหาฯมีผลประกอบการแข็งแกร่ง และการประเมินมูลค่ายังน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนระดับมหภาคและอัตราดอกเบี้ยสูง อาจทำให้ยังมี downside risk ส่วนปัจจัยบวกคือ การลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านและการผ่อนคลาย LTV
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon