CGSI : STEC มาร์จิ้นปีนี้จะดีขึ้น ความกังวลปัญหาบางโครงการลดลง

209

มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่าในไตรมาส 4/66 STEC จะมีรายได้ 7.5 พันล้านบาท ลดลง 11% yoy และ 4% qoq ผลจาก backlog ที่ลดลง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมิน backlog ปี 66 ที่ราว 6.3 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่ารายได้ 2.2 ปี เนื่องจากปีที่แล้ว STEC คว้างานก่อสร้างเพิ่ม 6 พันล้านบาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ STEC ไตรมาส 4 จะเพิ่มเป็น 5.1% จาก 4.4%. ในไตรมาส 3/66  หลังราคาเหล็กปรับตัวลง 0.9% qoq ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์ยังทรงตัว qoq จึงคาดว่า STEC จะทำกำไรสุทธิได้ 165 ล้านบาทในไตรมาส 4 ลดลง 48% yoy แต่เพิ่มขึ้น 27% qoq หากเป็นไปตามคาด STEC จะทำกำไรสุทธิ 620 ล้านบาทในปี 66 ลดลง 28% yoy

สำหรับปี 67 นี้ ฝ่ายวิจัย CGSI คาดว่ารายได้ของ STEC จะเติบโตเพียง 5% yoy เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท ก่อนจะเติบโต 10% yoy เป็น 3.2 หมื่นล้านบาทในปี 68 และยังคาดว่า GPM ปีนี้จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการแล้ว แต่น่าจะทรงตัวในปีหน้า ทั้งนี้ประมาณการดังกล่าวรวมส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าโมโนเรลสองสาย คือ สายสีเหลืองและสีชมพูแล้ว ซึ่ง STEC ถือหุ้น 15% ในทั้งสองโครงการ

รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดบริการวันที่ 7 ม.ค. 67 จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ ยังต่ำกว่าที่ STEC คาดการณ์ไว้ ฝ่ายวิจัยฯจึงประมาณการว่า STEC จะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าทั้งสองโครงการราว 30 ล้านบาทต่อไตรมาส และน่าจะฉุดกำไรของ STEC อีกสองสามปี เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูน่าจะยังไม่ทำกำไร

ฝ่ายวิจัย CGSI มองว่า แม้ราคาของ STEC จะ outperform คู่แข่ง YTD คือ บวก 18% เทียบกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่บวก 8% แต่ปีที่แล้วราคาหุ้น STEC underperform คู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญคือ ลดลง 38% เทียบกับกลุ่มที่ลดลง 29% อาจเป็นเพราะนักลงทุนกังวลผลขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ถือหุ้นในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู

อย่างไรก็ตาม การประเมินมูลค่าปัจจุบันของ STEC ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะซื้อขายที่ P/BV ประมาณ 0.6 เท่า บวกกับความกังวลเกี่ยวกับโครงการที่มีปัญหาบางโครงการเริ่มลดลง หลังมีการส่งมอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ในไตรมาส 3/66 จึงยังแนะนำ “ซื้อ” STEC และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 11.30 บาท จาก 10.20 บาท แต่อาจมี downside risk หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูมีส่วนแบ่งขาดทุนสูงกว่าคาด ส่วนปัจจัยบวกคือการชนะประมูลโครงการใหม่

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon