เพิ่งเคยเห็นความผิดพลาดที่ “สะเพร่า” ของ ตลท.ก็ยุคนี้…
ที่ล่าสุดถึงกลับปลดหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย SP ไล่ตั้งแต่ JKN MILL และ MILL-W7 เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 67 เป็นเวลา 25 นาที จนสุดท้ายก็ถึงจะกลับมาขึ้น SP อีกครั้ง ซึ่งเป็นหุ้นที่ถูกห้ามซื้อขาย เนื่องจากส่งไม่ส่งงบการเงินปี 2566 จากการประเมินความเสียหายเบื้องตนของ ตลท.ตั้งวงเงินไว้ราว 6ลบ.ก็ตาม
ประเด็นสำคัญคือ ตลท.ปล่อยให้เกิดเรื่องสำคัญมีผลเสียหายต่อนักลงทุนได้อย่างไร ทำไมไม่มีการ test ระบบก่อนจะใช้กันเลยเหรอมันสะท้อนของความไม่เป็นมืออาชีพ…และไม่ใช่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว
ปลด SP หุ้น MORE
ยังมีอีกเคสที่โจ๋งครึ้ม คือ การปลด SP หุ้น MORE หลังถูกแขวน SP มายาวนานนับสัปดาห์ ทั้งๆที่ก็ไม่มีเหตุผลจะต้องขึ้น SP ยาวขนาดนี้.. แต่กระนั้นวันที่ปลดก็ไม่ disclosures base ให้ทราบกันโดยทั่วกัน นึกจะปลดก็ปลด และมีความได้เปรียบเสียเปรียบของกลุ่มนักลงทุน….เห็นได้ชัดเจนคือ กลุ่มโบรกเกอร์ที่ปล่อยวงเงินมาร์จิ้นในเคส MORE ออกของก่อนคนอื่น…แล้วตลท.ก็ลอยแพรนักลงทุนรายย่อยอย่างชัดเจน เคสนี้มี 2 เรื่องที่ไม่เป็นมืออาชีพ คือการขึ้นเครื่องหมาย SP ที่ยาวนานเป็นสัปดาห์เพื่ออะไร? ….และ 2.การปลด SP ที่ไม่ปกติ
และเมื่อปลายปี66 เกณฑ์ SET50-SET100 ที่มีการปรับเปลี่ยนเหมือนบัตรเขย่งเพื่อยื้อให้หุ้น DELTA ไม่หลุด ทั้งๆที่โบรกฟันธงไปแล้วว่าหลุด เนื่องจากขาดคุณสมบัติไม่ครบตามเกณฑ์ปกติ ก่อนที่จะมีเรื่องเกณฑ์ดุลยพินิจ มันทำลายความน่าเชื่อถือ ตลท.เป็นอย่างมาก
ตลาดหุ้นไทยยังเอื้อประโยชน์กลุ่มบางกลุ่ม
การปฏิบัติของตลาดยุคนี้มันจึงสะท้อนออกมาถึงความไม่น่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทย และเอื้อประโยชน์ของกลุ่มพวกพ้องอย่างออกนอกหน้าในหลายๆเรื่อง รวมถึงการหาแนวทางแก้ปัญหา Robot Trade ที่เปิดช่องโหว่เอาเปรียบรายย่อยของการใช้โปรแกรม HFT เป็นเครื่องมือถล่มหุ้นด้วยการกระหน่ำ Short Sell และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วย Naked Short ที่ผ่านการยืมจาก NVDR จนนักลงทุนเสียหายติดหุ้นนับแสนราย
สุดท้ายตลาดหุ้นก็พังครืนลงมาวอลุ่มหดเหลือวอลุ่มเฉลี่ยเพียง 3-4 หมื่นลบ.ดัชนีต่ำเตี้ยเหลือเพียง 1,370-1,380 จุด จนทุกวันนี้ ตลท.ยังไม่เคออกมายอมรับผิดซักเคสโทษแต่ปัจจัยภายนอก ขณะที่ล่าสุดตลาดหุ้นทั่วโลกปีนี้กลับมาทำนิวไฮ ทั้งตลาดหุ้นญี่ปุ่น สหรัฐและอีกหลายๆตลาดหุ้นก็เริ่มดูดีขึ้นยกเว้นตลาดหุ้นไทยมันเพราะสาเหตุอะไรกันแน่?
ตลาดหุ้นจีนเอาจริงโรบอทเทรดตัวแสบ
ล่าสุดตลาดหุ้นจีน ซึ่งปีที่ผ่านมาจัดเป็นอีกตลาดหุ้นที่ยอดแย่ที่สุดในโลกตีคู่มาติดๆกับตลาดหุ้นไทย แต่ล่าสุดหน่วยงานกำกับของจีนเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหา พวกโรบอทเทรตัวแสบที่ซื้อขายผ่านระบบ HFT และเป็นตัวการทำให้ตลาดหุ้นจีนผันผวน โดยมีรายข่าวจาก บลูมเบิร์กว่า โปรแกรมดังกล่าวจะเลี่ยงขีดจำกัดของการทำธุรกรรมในสัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีหุ้นหลายรายการ นอกจากนี้ยังไม่มีการเปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างบัญชีที่ถือโดยผู้ควบคุมและผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ใช้สำหรับการจัดการผลิตภัณฑ์ด้วย
โดยหน่วยงานกำกับของจีนได้จับตัวการได้ คือ กองทุนเซี่ยงไฮ้ เหว่ยหวัน ฟันด์ แมเนจเมนท์ (Shanghai Weiwan Fund Management) ที่สร้างผลกำไรที่ผิดกฎหมายด้วยเครื่องมือ HFT และยังถูกสั่งห้ามเปิดโพสิชันสัญญาฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นเป็นเวลา 12 เดือน และยึดเงินจำนวน 8.9 ล้านหยวน (1.2 ล้านดอลลาร์) และกองทุนดังกล่าวถือเป็นกองทุนสาย Quant อีกด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่หน่วยงานกำกับของจีนจับตาเป็นพิเศษ ทั้งนี้ บทลงโทษดังกล่าวนับเป็นการยกระดับการปราบปรามการซื้อขายเชิงปริมาณ (quantitative trading)อีกด้วย
“กูรูเทียบมาตรการตลท.
จับ Naked Shortแค่น้ำจิ้ม”
แม้แต่ตลาดหุ้นเกาหลีก็มีแนวทางการจัดการที่เด็ดขาดและจับตัวการที่ทำ Naked Short ได้ ขณะที่แนวทางแก้ไขของตลท.หุ้นไทย กูรูบางท่านบอกว่ายังทำงานแบบเช้าชามเย็นชามกันอยู่ไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาวซักเท่าไหร่และมาตรการที่ประกาศออกมาของ ตลท.ก็ดูเหมือนน้ำจิ้ม ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย ส่วนรูปธรรมก็แค่เรื่อง eligible securities ส่วนมาตรการใช้uptick rule/ limit position คงใช้ได้น้อยมากเพราะ ราคาหุ้นลง10% มีไม่ถึง1%แถมยังใช้ราคาปิดสิ้นวัน แล้วใช้ uptick วันถัดไป Position limit ที่ผ่านมาก็ไม่เคยถึง10% คงต้องรอลุ้นว่าจะมีการเอาจริงเอาจัง เรื่อง Naked Short กับพวกที่ใช้พวกที่ใช้ omnibus a/c, และการห้าม short NVDR อย่างจริงจังเสียทีคงต้องรอลุ้นกันต่อไป
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon