มิติหุ้น – นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 20-25% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการขยาย DTC SHOP และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ DTC ชื่อ “DTRACK” อุปกรณ์ GPS รุ่นประหยัดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเปิด DTC SHOP เพื่อให้บริการครบ 20 แห่งภายในปีนี้ จากเดิมที่เปิดให้บริการแล้ว 10 แห่ง พร้อมจับมือกับผู้ผลิตกล้องติดรถชั้นนำของโลก จำหน่ายกล้องติดรถที่ DTC SHOP
สำหรับศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ขณะนี้ เปิดใช้งานแล้ว โดยเริ่มทยอยมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าแล้ว
ในส่วนของงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร สำหรับระบบ BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ เรียบร้อยแล้ว และสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในทันที รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในปี 2568 ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ให้กับรถขนส่งสินค้า ในกลุ่มของ บริษัทบุญรอดฯ และมีความร่วมมือในการทำงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐ
“ในปีนี้ DTCENT ประเมินว่า รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการเร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่ง ภายในปีนี้ และจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ DTRACK และกล้องติดรถยนต์ที่จะมีวางจำหน่ายใน DTC SHOP เร็วๆ นี้ จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้รายได้ในปีนี้เติบโตที่ระดับ 20-25%”
อนึ่ง ผลการดำเนินงานรวมประจำปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิ 99.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.65% เทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 51.98 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ และมีรายได้รวม 729.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.70% เทียบกับปีก่อน มีรายได้รวม 641.59 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 20 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.0485073 บาทต่อหุ้น (รวมภาษี หัก ณ ที่ จ่ายออกให้) จากผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon