มิติหุ้น – คุณนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า การพัฒนาและการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียกำลังเติบโตรวดเร็วและโดดเด่น จนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก (มูลค่า GDP ของอินเดีย มีสัดส่วนกว่า 3.5% ของ GDP ทั่วโลก) และคาดการณ์ว่ามีโอกาสจะขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในปี 2027 โดยมีปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้แก่ จำนวนประชากรที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานและเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น และความน่าสนใจในการเป็นฐานการผลิตของธุรกิจของโลก (ที่มา: IMF World Economic Outlook (April 2023)
ในด้านแผนการพัฒนาประเทศ รัฐบาลอินเดียปรับปรุงและพัฒนากฎระเบียบด้านภาคธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น กฎระเบียบเรื่องการล้มละลาย เรื่องภาษี ฯ เพิ่มความมั่นใจกับนักลงทุนและการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยต่อมา คือ อินเดียมีประชากรที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีจำนวนมาก ทำให้อินเดียเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สะท้อนจากการเติบโตของธุรกิจ Startup ในอินเดีย ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Unicorn) มีการจัดตั้งขึ้นมากกว่า 60 บริษัท ในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตของเงินทุนสูงกว่าของจีน (ที่มา: pib.gov.in, INC42 as of March 2023 / INC42, OTHER SECONDARY SOURCES )
นอกจากนี้ อินเดียพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มความเร็วของเครื่องบินขนส่งและพาณิชย์ การตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ให้เหลือเพียง 8% ของ GDP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก (ที่มา: Department of Economic Affairs, Ministry of Finance)
ทั้งนี้ด้วยประเทศอินเดียมีขนาดใหญ่และมีประชากรมาก ทำให้บริษัทที่มีขนาดกลางและเล็กได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และเมื่อพิจารณาในอดีตกองทุนที่มีนโยบายแบบ Mid-Cap สามารถสร้างผลการดำเนินงานสูงกว่ากองทุนที่มีนโยบาย Multi-Cap
บลจ.ดาโอ จึงเปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด ดาโอ ภารัต (DAOL-BHARAT)” วันที่ 14-20 มีนาคม 2567 (ความเสี่ยงระดับ 6 : ความเสี่ยงสูง) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในอินเดีย เน้นลงทุนบริษัทขนาดกลางไม่น้อยกว่า 60% และลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 40% ผ่านกองทุนหลัก Mirae Asset India Mid Cap Equity Fund Class R US ซึ่งบริหารโดย Mirae Asset Global Investments ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการลงทุนในอินเดีย ซึ่งมีความเข้าใจ “วัฒนธรรม” การทำธุรกิจของอินเดียอย่างรอบด้าน รวมถึงการตรวจสอบการบริหารความถูกต้องภายในอย่างละเอียด ทำให้ Mirae สามารถคัดเลือกหุ้นขนาดกลางคุณภาพดี อันจะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวให้แก่นักลงทุนได้
ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่ลงทุน ได้แก่
CEAT : บริษัทผลิตล้อและยางรถทุกประเภท สัญชาติอินเดีย มีคู่ค้าอยู่ทั่วโลก มีกำลังการผลิตยางได้มากถึง 800 ตันต่อวัน
FEDERAL BANK : หนึ่งในธนาคารกลุ่มแรกในอินเดีย ให้บริการทางด้านเงินและการลงทุน มีสาขากว่า 1,348 แห่งทั่วอินเดีย มีลูกค้ารวมกว่า 16 ล้านราย
Gujarat State Petronet Limited : ดำเนินธุรกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติผ่านท่อที่เชื่อมต่อกับศูนย์อุปสงค์และอุปทานต่างๆ ใน คุชราต บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 1998 GSPL มีเครือข่ายไปป์ไลน์ประมาณ 2,692 กม. ทั่วรัฐคุชราต และกำลังขยายเครือข่ายไปป์ไลน์เพิ่มเติม
DELHIVERY : บริษัทที่ให้บริการด้านโลจิสติก และSupply Chain ทั่วอินเดีย มีคลังสินค้าขนาดใหญ่กว่า 85 แห่ง และศูนย์รับสินค้ากว่า 1 หมื่น มีรายได้หลักจากบริการกับธุรกิจออนไลน์
LUPIN : บริษัทผู้ผลิตสินค้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ หนึ่งในบริษัทที่มี Supply Chain ทั่วโลก และมีจุดเด่นด้านสินค้าที่มีคุณภาพดี
(ที่มา: : Mirae Asset India Equity Fund as of 31 JANUARY 2024)
ด้วยกลยุทธ์ลงทุนแบบ Active Management ที่กระจายลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์และรายหลักทรัพย์ และเน้นสะสมมูลค่าในระยะยาว ทำให้กองทุนสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างโดดเด่น โดยพบว่าย้อนหลัง 3 เดือนให้ตอบแทนอยู่ที่ 16.5% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 16.1% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 36.0% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 69.8% ย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 123.4% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 78.3% เมื่อเทียบกับดัชนี NIFTY Midcap 100 Index อยู่ที่ 25.4% 27.6% 56.0% 104.0% 145.6% 71.8% ตามลำกดับ (ที่มา: Mirae Asset India Equity Fund ณ 31 ม.ค. 2567)
“Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดีย สะท้อนว่าอินเดียได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตและ ขณะที่อัตราการเติบโตของหุ้นยังอยู่ในระดับสูง โดยคาดการณ์ Earning ของบริษัทจดทะเบียนในช่วงปี 2020-2025 จะมีการเติบโตอยู่ที่ 21% ต่อปี จึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นอินเดียจะเติบโตต่อ ซึ่งนับว่าโดดเด่นขณะที่ตลาดเกิดใหม่อื่นๆต่างเจอกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ‘กองทุนเปิด DAOL -BHARAT’ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นอินเดีย ยักษ์ใหญ่อีกประเทศที่มุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก” คุณนิสารัตน์ กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
ดาโอ จำกัด (“บลจ.ดาโอ”) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือตัวแทนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ.ดาโอ ได้แก่
● บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
● บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ● บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ● บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ● บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ● บล.เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ● บลน.เว็ลธ์เมจิก จำกัด ● บล.เอเชียเวลท์ จำกัด ● บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด ● บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาช น) ● บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) ● บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ● บล.เอเอสแอล จำกัด ● บลน.เทรเชอริสต์ จำกัด ● บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ● บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) |
● บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
● บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ● ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ● บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ● บลน.ฟินโนมินา จำกัด ● บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ● ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ● บลจ.เอ็กซ์สปริง จำกัด ● บล.เคเคพี ไดม์ จำกัด ● บลน.โรโบเวลธ์ จำกัด ● บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ● บลน.เวลท์ รีพับบลิค จำกัด ● บลน.แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ● บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด ● บล.สยามเวลธ์ จำกัด ● บล.พาย จำกัด (มหาชน) ● บล.บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ● บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) |
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon