ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนเท่าที่ควร หรือการหาหุ้นรายตัวที่ชนะตลาดนั้นแสนจะยาก คนไทยหลายคนจึงเริ่มมองหาการลงทุนต่างประเทศ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่ยังขาดประสบการณ์การลงทุน การเลือกตลาด การเลือกหุ้น หรืออาจติดกำแพงภาษีเงินได้ต่างประเทศทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อยลง
ซึ่งการลงทุนผ่าน “กองทุน” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับนักลงทุนมือใหม่ คนที่ไม่มีเวลา หรือคนที่ต้องการวางแผนใช้ชีวิตหลังเกษียณ และสามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้ จึงได้รวบรวมกองทุนที่น่าสนใจ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
Finnomena ชี้เป้ากองทุน มองขาดทุกการลงทุน
K-SEMQ
เน้นหุ้นตลาดเกิดใหม่ ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : Emerging Market เป็นโอกาสครั้งใหม่หนุนโดยจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย
MEGA 10CHINA-A
เน้นหุ้นจีน H-Share ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : หุ้นจีนถูกสุดในรอบ 10 ปี รัฐบาลเปลี่ยนท่าทีกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มสูบ
KFHEALTH / K-GHEALTH(UH)
เน้นหุ้น Health Care ความเสี่ยง 7
มุมมองการลงทุน : เกิด Sector Rotation หลังกำไรหุ้น Health Care พลิก Turnaround
KFUS-A
เน้นหุ้นเติบโตสหรัฐฯ ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : ในระยะสั้นอาจเกิดการปรับฐาน หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเยอะแล้ว
B-BHARATA / TISCOINA-A
เน้นหุ้นอินเดีย ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : ตลาดเป็นขาขึ้น เศรษฐกิจแข็งแกร่ง โอกาสเติบโตสูงที่สุดในโลก
SCBCOMP
เน้นสินค้าโภคภัณฑ์ ความเสี่ยง 8
มุมมองการลงทุน : เก็งกำไรราคาน้ำมันดิบ พร้อมกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตไปในตัว
B-CHINE-EQ / K-CHINA-A(A)
เน้นหุ้นจีน ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : เกิดสัญญาณกลับตัว ทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ
ASP-DIGIBLOC
เน้นหุ้นบล็อคเชน ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : ชะลอการลงทุน หลังราคาปรับขึ้นมาแรง Risk to Reward ยังไม่คุ้ม
UGIS-N / KFSINCFX-A
เน้นตราสารหนี้โลก ความเสี่ยง 5
มุมมองการลงทุน : โอกาสในรอบ 10 ปี รับ Yield ที่สูงและ Capital Gain หาก Fed ลดดอกเบี้ย
ONE-EUROEQ
เน้นหุ้นยุโรป ความเสี่ยง 6
มุมมองการลงทุน : เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวดีต่อเนื่องและ Valuation ยังไม่แพงเกินไป
Krungsri The COACH คัด 6 กองทุน ที่น่าสนใจปี 67
KFAFIX
นโยบายการลงทุน : ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือบริษัทเอกชนในประเทศ ตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือบริษัทเอกชนต่างประเทศ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ความเสี่ยง 4
จุดเด่นที่น่าสนใจ : เป็นกองที่ผันผวนต่ำ เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 1-2 ปี สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเงินฝากและกองทุนรวมตราสารเงินจากการเพิ่มความยืดหยุ่นในการกระจายการลงทุน เน้นลงทุนในตราสารคุณภาพดี และมีความสามารถในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
KF1MILD
นโยบายการลงทุน : กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมอีทีเอฟทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในตราสารหนี้ 60-85% ตราสารทุน 15-35% และสินทรัพย์ทางเลือก 0-10% ความเสี่ยง 5
จุดเด่นที่น่าสนใจ : เป็นกองที่ผันผวนต่ำ เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 2-3 ปี กระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น โดยจะมีการทบทวนรายปีเพื่อให้ได้กลยุทธ์การลงทุนสอดคล้องตลาดการลงทุนมากที่สุด
KF1MEAN
นโยบายการลงทุน : กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมอีทีเอฟทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในตราสารหนี้ 35-65% ตราสารทุน 30-60% และสินทรัพย์ทางเลือก 0-10% ความเสี่ยง 5
จุดเด่นที่น่าสนใจ : เป็นกองทุนที่ผันผวนปานกลาง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 3-4 ปี กระจายการลงทุน ผสมผสานการลงทุนระหว่างตราสารหนี้และหุ้นอย่างสมดุล สร้างการเติบโตระยะยาวโดยคัดเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพตามมุมมองของผู้จัดการกองทุน
KF1MAX
นโยบายการลงทุน : กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมอีทีเอฟทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในตราสารหนี้ 15-40% ตราสารทุน 50-80% และสินทรัพย์ทางเลือก 0-10% ความเสี่ยง 5
จุดเด่นที่น่าสนใจ : เป็นกองทุนที่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลาประมาณ 4-6 ปี กระจายการลงทุน โดยเน้นการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีคุณภาพเพื่อหวังการเติบโต มีสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้ลดโอกาสขาดทุนในปีที่ตลาดแย่ ปรับการสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ รายเดือนตามภาวะตลาดเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทน
PRINCIPAL VNEQ
นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนาม ที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ความเสี่ยง 6
จุดเด่นที่น่าสนใจ : ลงทุนในเวียดนามซึ่งมีความแข็งแกร่งของภาคการผลิตที่เป็นฐานของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก มีข้อตกลงทางการค้ากับนานาประเทศ ตลาดขนาดใหญ่ กำลังซื้อสูง และมีนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุน เน้นลงทุนตรงในหุ้นรายตัวเวียดนาม คัดเลือกหุ้นโดยทีมบริหารกองทุนและนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเวียดนาม ทั้งชาวไทย และเวียดนาม
KFGBRAND
นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Morgan Stanley Investment Fund – Global Brands Fund (Class Z) ไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ความเสี่ยง 6
จุดเด่นที่น่าสนใจ : เป็นกองทุนที่ความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 7 ปีขึ้นไป เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งประสบผลสำเร็จหรือมีชื่อเสียงใน Brand เช่น การมีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าหรือกลวิธีการจัดจำหน่าย
บล.กสิกรไทย แนะ 5 กองทุน เดือนมี.ค.67
UGIS-N
นโยบานการลงทุน : ลงทุนในกองทุน PIMCO GIS Income Fund มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชนทั่วโลก ความเสี่ยง 5
จากมุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ช่วงครึ่งปีหลัง การล็อกอัตราดอกเบี้ยที่สูงก่อนมีการลดอัตราดอกเบี้ย สามารถซื้อลงทุนได้ทันทีหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ลดลงที่ 4.162%
K-US500X-A(A)
นโยบานการลงทุน : ลงทุนในกองทุน iShares Core S&P 500 ETF ที่มีนโยบายการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัวแรก ล้อตามดัชนี S&P500 ความเสี่ยง 6
จากมุมมองคาดกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 67 จะมีการเติบโต 9.7% คาด GDP ใน Q1/67 ขยายตัว 2.1% หลีกเลี่ยงการเกิด Hard Landing สามารถทยอยซื้อสะสมลักษณะ Buy the dip คือ ปรับตัวลดลงราว 3-5% แล้วค่อยเข้าซื้อ มองแนวรับดัชนี S&P500 ที่ระดับ 5,000 จุด และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ที่ 4,900 จุด
K-EUX
นโยบานการลงทุน : ลงทุนในกองทุน iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF ที่ลงทุนหุ้นในยุโรปไม่รวมสหราชอาณาจักรขนาดใหญ่ 50 ตัวแรก หรือ ดัชนี EURO STOXX 50 ความเสี่ยง 6
จากมุมมองคาด ECB ลดอัตราดอกเบี้ยเดือน เม.ย. เร็วกว่า FED ปัจจัยในการมีฟุตบอลยูโรที่เยอรมัน มิ.ย. – ก.ค.67 และโอลิมปิกที่ฝรั่งเศส ก.ค. – ส.ค.67 สามารถทยอยซื้อสะสมลักษณะ Buy the dip คือ ปรับตัวลดลงราว 3-5% แล้วค่อยเข้าซื้อ มองแนวรับดัชนี EURO STOXX50 ที่ระดับ 4,750 จุด และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ที่ 4,637 จุด
K-INDX
นโยบานการลงทุน : ลงทุนในกองทุน iShares India 50 ETF ที่ลงทุนในหุ้นอินเดียที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุด 50 บริษัทแรก หรือ ดัชนี Nifty 50 ความเสี่ยง 6
จากมุมมองคาด GDP จะเติบโตได้ 7% และ EPS growth 15.7% ขณะที่ FDI และ Fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียสามารถทยอยซื้อสะสมลักษณะ Buy the dip คือ ปรับตัวลดลงราว 3-5% แล้วค่อยเข้าซื้อ มองแนวรับดัชนี NIFTY ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ที่ 21,828 จุด
VanEck Pharmaceutical ETF (PPH:US)
นโยบานการลงทุน : ลงทุนในบริษัทยาที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ 25 ตัวแรกโดยประเมินจากบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุด รวมถึงหุ้นดังกล่าวมีสภาพคล่องในตลาด หุ้น 2 ตัวแรก Eli Lilly และ Novo Nordisk มีความน่าสนใจในตลาดยาลดความอ้วนและโรคเบาหวาน
จากมุมมองกลุ่ม Healthcare เป็นกลุ่ม Defensive ที่จะ Outperform ตอนตลาดหุ้นปรับฐาน และหุ้นยา Eli lilly กับ Novo Nordisk เป็นผู้เล่นหลักในกลุ่มยาลดความอ้วน สามารถทยอยซื้อสะสม และซื้อเต็มจำนวนเมื่อราคาปรับตัวลดลงที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon