มิติหุ้น – นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนในช่วงเวลานี้มีแนวโน้มที่ดีและมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ดัชนีตลาดหุ้นหลักหลายแห่งปรับขึ้นสู่จุดสูงสุด อีกทั้งโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเหลือเพียง 40% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 70% ปัจจัยต่างๆดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การลงทุนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง”
“บลจ.กรุงศรี มองว่าเป็นจังหวะดีในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนกรุงศรี Global Unconstrained Equity (KFGLOBAL) ซึ่งบริหารโดย BlackRock ผู้จัดการกองทุนระดับโลก มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักชื่อ BlackRock Global Unconstrained Equity Fund, Class D USD ที่ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว* กองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Unconstrained approach เน้นลงทุนในบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยที่ไม่ยึดติดกับประเภทหุ้น อุตสาหกรรม หรือดัชนีชี้วัด เพื่อโอกาสที่ดีที่สุดทั้งในวัฎจักรเศรษฐกิจขาขึ้นและขาลง (*ที่มา :BlackRock ณ 31 ธ.ค. 66 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / การจัดอันดับจาก Morningstar ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด)
“จุดเด่นของกองทุนหลัก นอกจากการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตแล้ว 50% ของพอร์ตจะลงทุนในธุรกิจที่มีความทนทานต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้พอร์ตในช่วงเศรษฐกิจขาลง ส่วนที่เหลือจะกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทธุรกิจที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ส่งผลให้กองทุนมีผลงานที่ดีเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด พอร์ตปัจจุบันมีการลงทุนใน 3 ธีมหลักได้แก่ 1) บริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีตำแหน่งเป็นผู้นำตลาด 2) เป็นหุ้นของบริษัทที่มีเทคโนโลยี หรือมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ 3)เป็นบริษัทที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของผลตอบแทน”
“สำหรับกรอบกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลักจะเน้นคัดเลือกหุ้นรายตัวโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน ประมาณ 20 – 30 หลักทรัพย์ภายใต้ 3 ธีมการลงทุนหลักดังกล่าวข้างต้น “ตัวอย่างหุ้นในพอร์ตที่กองทุนหลักลงทุน เช่น Microsoft, Ferrari บริษัทผลิตรถยนต์ LVMV บริษัทลักซ์ชูรี่แบรนด์อย่างหลุยส์ วิตตอง และ ASMLบริษัทเครื่องผลิตชิปคอมพิวเตอร์ เป็นต้น การบริหารกองทุนจะใช้มุมมองระยะยาว ไม่ปรับพอร์ตบ่อยนัก โดยจะปรับพอร์ตเมื่อปัจจัยขับเคลื่อนหรือพื้นฐานหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อปัจจัยสนับสนุนการลงทุน หรือราคาของหลักทรัพย์ในพอร์ตมีการปรับตัวจนทำให้กองทุนมีสัดส่วนของธุรกิจกลุ่ม Defensive น้อยกว่า 50% หรือระดับราคาของหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมาก รวมทั้งมีการค้บพบบริษัทอื่นที่มีศักยภาพที่ดีกว่า”
ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 1 ปีอยู่ที่ 34% ดัชนีชี้วัด MSCI World อยู่ที่ 24% ผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ 10% ดัชนีชี้วัด MSCI World อยู่ที่ 7% ผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(ต่อปี) อยู่ที่ 14% ดัชนีชี้วัด MSCI World อยู่ที่ 9% และมีผลตอบแทนสะสมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 64.8% ผลตอบแทนสะสมของดัชนีชี้วัด MSCI World อยู่ที่ 40.0%” (ที่มา : BlackRock ณ 31 ธ.ค. 66 /ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน)
“บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่ากองทุน KFGLOBAL เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในการเข้าถึงหุ้นคุณภาพดีทั่วโลกที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของผลกำไรที่แข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีบนระดับความผันผวนที่ไม่มากจนเกินไป และสามารถใช้เป็นพอร์ตการลงทุนหลักของทุกท่านได้” นางสุภาพร กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon