ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 มี.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 9.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
-/+ นักลงทุนอาจชะลอการซื้อน้ำมันดิบ และยังคงประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมทั้งสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนว่าจะกระทบต่ออุปทานมากน้อยเพียงใด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากลุ่ม OPEC+ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันใดๆ จนกว่าจะมีการประชุมเต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 67
-/+ โกลด์แมน แซคส์ ได้ประมาณการว่า กำลังการกลั่นน้ำมันในรัสเซียจะลดลงราว 900,000 บาร์เรลต่อวัน จากที่ยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งของรัสเซีย และคาดว่าอาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าที่โรงกลั่นบางแห่งจะสามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลุ่มกบฎฮูตีกล่าวว่าได้ทำการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าด้วยโดรนและขีปนาวุธ 6 ครั้ง ในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมาในอ่าวเอเดนและทะเลแดง
ราคาน้ำมันเบนซิน : ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียมีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากสต็อกน้ำมันเบนซินที่มีสะสมเพียงพอตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยอดการนำเข้าน้ำมันเบนซินของสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 83% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน
ราคาน้ำมันดีเซล : ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนส่งออกน้ำมันดีเซลในเดือน ก.พ. 67 เพิ่มขึ้น 5% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 0.7 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดีเซลของสิงคโปร์เริ่มปรับตัวลดลง จากที่เคยแตะระดับสูงสุดในรอบสองปีในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon