หากเอ่ยชื่อแบรนด์สินค้าอุปโภคในประเทศไทย อาทิ “ไฟน์ไลน์ (Fineline)” น้ำยารีดผ้าเรียบ “บีไนซ์ (BeNice)” ครีมอาบน้ำ หรือแม้แต่ “ดีนี่” ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแบรนด์เรือธงอย่าง “ไฟน์ไลน์ (Fineline)” ที่โดดเด่นที่สุดก็ว่าได้ แบรนด์และสินค้าเหล่านี้อยู่ภายใต้บริษัทที่กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทย นั่นก็คือ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศไทย
เล็งเจาะกลุ่มพรีเมียม-กลุ่มพรีเมียมแมส
นอกจากผลิตภัณฑ์ของ NEO ที่มีอยู่ในตลาดกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ (Mass Market) แล้ว บริษัทยังมองหาการสร้างโอกาสใหม่ๆ โดยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Portfolio) ให้ครอบคลุมไปยังผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass) และกลุ่มพรีเมียม (Premium) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในด้านคุณภาพหรือคุณสมบัติการใช้งานที่มีความพิเศษแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป นอกจากนี้ NEO ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนราว 15 % ของยอดขายรวม
ผลงานโดดเด่นรายได้เฉียด1หมื่นล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดล่าสุดในปี 2566 NEO ประสบความสำเร็จโดยมีรายได้จากการขายรวม 9,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% และกำไรสุทธิ 840 ล้านบาท เติบโต 47.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการขายในประเทศเท่ากับ 8,238 ล้านบาท เติบโต 15.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการขายในประเทศมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) เป็นหลัก จากการวางกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำในประเทศต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ส่วนตลาดต่างประเทศประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีรายได้จากการขายในต่างประเทศ 1,246 ล้านบาท เติบโต 7.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายในต่างประเทศของปี 2565 ซึ่งเท่ากับ 4.5%
เสนอขายไอพีโอไม่เกิน 87.5 ล้านหุ้น
หากดูจากโครงสร้างธุรกิจจัดว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนระดมทุนโดยการเตรียมเสนอขายไอพีโอจำนวนไม่เกิน 87.5 ล้านหุ้นคิดเป็น 29.17% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 78.0 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมจาก บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS) จำนวนไม่เกิน 9.5 ล้านหุ้น
ส่วนวัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ซึ่งรวมถึงการขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์และระบบบริหารจัดการคลังประมาณ 1,960 ลบ. เพื่อชำระคืนเงินกู้กับสถาบันการเงินราว 500 ลบ. และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
แนวโน้มผลงานปี 67 ได้แรงหนุนภาคท่องเที่ยว
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคปี 2567 มีแนวโน้มเริ่มขยายตัวดีขึ้นหลังจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยออกมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค อาทิ มาตรการลดค่าครองชีพ, Easy e-Receipt ฯลฯ และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่างระดับสากล ควบคู่กับการวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มความนิยมของผลิตภัณฑ์ โดยการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในสินค้าที่มีศักยภาพเติบโตสูงให้ใกล้เคียงกับผู้นำตลาด (Close Gap) ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นและมุ่งขยายสินค้าในพอร์ตโฟลิโอหลากหลายเพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ รวมทั้งการบริหารจัดการวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผลักดันให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง” นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon