“ออริจิ้น” ร่วมลงนาม CECI ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่ความยั่งยืน ผลักดัน Waste Management ในทุกโครงการอสังหาฯ พร้อมมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2044

62

มิติหุ้น  –  นายธนพล สินธุยนต์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนขององค์กร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านงานออกแบบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้   ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก กลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Circular Economy In Construction Industry: CECI) ร่วมกับ 37 องค์กรชั้นนำของไทยจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประกอบด้วย บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทสถาปนิกและที่ปรึกษาด้านการก่อสร้าง บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และบริษัทผู้ให้บริการจัดการของเหลือจากการก่อสร้างภายในงาน CECI : Action for Sustainable Future ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในการก่อสร้างตลอดห่วงโซอุปทาน (Supply Chain) พร้อมแลกเปลี่ยน  องค์ความรู้ ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนไทย

 

“เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่รอไม่ได้อีกต่อไป ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือการดูแลกระบวนการก่อสร้างของเราให้รบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ซึ่งครั้งนี้เราได้ผนึกกำลังกับกลุ่มองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ปฏิบัติจริง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายธนพล กล่าว

 

ภายใต้ความร่วมมือ CECI ครั้งนี้ บริษัทได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาต่อยอดเป็นแนวทางบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ (Waste Management) ภายในพื้นที่ก่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ อาทิ กำหนดให้มีการหมุนเวียนนำน้ำกลับมาใช้ และกำหนดให้มีการนำวัสดุก่อสร้างเหลือใช้มาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยร่วมมือกับ Recycoex ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์รับซื้อ-ขายขยะรีไซเคิล ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้เครือข่าย CECI มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยบริษัทจะนำร่องใช้กับโครงการคอนโดมิเนียมออริจิ้น เพลส บางนา (Origin Place Bangna) เป็นโครงการแรก และจะขยายสู่ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาในปี 2567 เป็นต้นไป

 

นายธนพล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังวางโรดแมปขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้าน ทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ORIGIN GIVE” ซึ่งหนึ่งในพันธกิจสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม คือการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ในโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกแบบกระบวนการก่อสร้างในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้เกิดการหมุนเวียนและนำไปใช้ซ้ำ เพื่อลดมลพิษและปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุดก่อนออกสู่นอกพื้นที่โครงการ โดยมุ่งหวังให้ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2044 (พ.ศ. 2587) ซึ่งจะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนในสังคม

 

ทั้งนี้ ความร่วมมือ CECI มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ผ่านพันธกิจ (Mission) หลัก 5 ข้อ ได้แก่ 1.สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Circular Economy ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง2.ขยายเครือข่ายความร่วมมือของ CECI ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 3.ผลักดัน และส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้ง Value Chain ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง 4.พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยนำแนวคิดเรื่องการออกแบบอย่างยั่งยืน Smart Design และ Green & Clean Innovation มาประยุกต์ใช้ และ 5.สร้างมาตรฐานและระบบบริหารจัดการการก่อสร้างผ่านแนวคิด Circular Economy โดยสมาชิกจะนำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติร่วมกันในเครือข่าย เพื่อนำไปสู่การต่อยอดและเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้างรายอื่นๆ ภาครัฐ และสถาบันการศึกษา รวมถึงการเปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

 

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 159 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 242,744 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon