มิติหุ้น – นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับพันธมิตรในหลากหลายมิติเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก ตอบโจทย์ความต้องการและ ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง สำหรับการดำเนินธุรกิจด้านบัตรเครดิตในปีนี้ นอกจากการมอบประสบการณ์พิเศษให้แก่สมาชิกปัจจุบันแล้ว เคทีซียังเน้นการขยายฐานสมาชิกกลุ่มใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อและรายได้สูงประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป ในขณะเดียวกันเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงที่เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนจากตัวเลขยอดรวมการใช้ผ่านบัตรเครดิต เคทีซีในหมวดโรงแรมที่เติบโต 25% ในปี 2566 โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการที่โรงแรมเปิดโอกาสให้สมาชิกที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมพักได้ (Pet Friendly) สำหรับจังหวัดที่มีโรงแรมที่ให้บริการดังกล่าวและมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโตมากที่สุดประกอบด้วย ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช ตามลำดับ
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2566 โดยกลุ่มสมาชิกอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนการใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุดถึง 20% ของยอดการใช้จ่ายในหมวดสัตว์เลี้ยง รองลงมาคือกลุ่มสมาชิกอายุ 30 ปี – 35 ปี ที่มีการใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 13% และสมาชิกทั้ง 2 กลุ่มยังมียอดการใช้จ่ายในหมวดดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้กรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการคาดการณ์ว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 66,784 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์เลี้ยง เคทีซีจึงได้จับมือกับพันธมิตรสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความชอบของสมาชิกในกลุ่มดังกล่าว รวมถึงมั่นใจว่าจะมีจำนวนสมาชิกที่รักสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุกัญญา วิริยะธนาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน กล่าวว่า จากสถิติพบว่าอัตราการเกิดของประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมาและจำนวนของคนโสดหรือครอบครัวที่ไม่ต้องการมีบุตรในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ตลาดการเลี้ยงสัตว์และสถานที่ที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาทำกิจกรรม (Pet Friendly) ในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างมาก จึงถือเป็นโอกาสดีที่ธุรกิจโรงแรมจะขยายการให้บริการครอบคลุมถึงกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตามปัจจุบันหลายโรงแรมได้นำเสนอการให้บริการที่แตกต่างหรือให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางสำหรับวิ่งเล่น พื้นที่ขับถ่าย ที่นอนอุปกรณ์การใช้ชีวิตนอกสถานที่ ซึ่งการให้บริการเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่เจ้าของสัตว์เลี้ยง และยังถือเป็นรายได้เพิ่มเติมให้กับโรงแรมอีกด้วย
นางขวัญแก้ว สิริจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีสัตว์เลี้ยงและตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นมาก ศูนย์การค้ามองว่าเป็นโอกาสในการขยายตลาดและเพิ่มโอกาสให้กลุ่ม Pet Friendly ได้มีทางเลือกที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาใช้ชีวิต สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับทุกคน และการเป็นผู้นำในการพัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต ยกระดับคุณภาพชีวิต ไปพร้อมกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมจึงสร้างสรรค์เซ็นทรัลให้เป็นต้นแบบของศูนย์การค้าที่เอื้อโอกาสให้คู่ค้าและพันธมิตรสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจกับกลุ่มครอบครัวสี่ขามาใช้ชีวิตร่วมกันโดยเฉพาะที่เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ได้มีการแบ่งโซนร้านอาหารที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้
สพ.ญ. นวพร ชวนปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า จากข้อมูลของ ยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor International) พบว่า มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตสวนกระแสในช่วงโควิด – 19 โดยปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 55,000 ล้านบาท ทั้งนี้สัตว์เลี้ยงหลักของประเทศไทยยังเป็นกลุ่มสุนัขและแมว โดยแมวมีการเติบโตอย่างชัดเจน และที่กำลังมาแรงคือกลุ่มสัตว์แปลก สัตว์หายาก (Exotic Pet) เหล่านี้ล้วนส่งผลให้หลายธุรกิจปรับตัวตอบสนองกับกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานพยาบาลสัตว์ก็เช่นกัน โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อพัฒนาการทั้ง คลินิก โรงแรม บริการ สินค้า เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรูปแบบการเลี้ยงดูที่ปรับเปลี่ยนไปรวมถึงการใช้นวัตกรรมเข้ามาร่วมในการผลิตสินค้า เช่น การผลิตทรายแมวจากมันสำปะหลังเนื่องจากเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ (Biodegradable) 100% เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ที่เลี้ยงแมวในคอนโดและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
นายณัฐพล อังควานิช ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การทำประกันภัยสัตว์เลี้ยงถือเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับผู้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท – 20,000 บาท และหากสัตว์เลี้ยงมีการเจ็บป่วยอาจมีค่าใช้จ่ายไปถึงหลักแสนบาท สำหรับบริษัท ทิพยประกันภัย มีการรับทำประกันสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัข และแมวครอบคลุมการรักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง ค่าใช้จ่ายในส่วนความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพสัตว์เลี้ยง ค่าชดเชยกรณีสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต ค่าวัคซีน ค่าโฆษณากรณีสัตว์เลี้ยงสูญหาย และค่าบริการรับฝากเลี้ยงกรณีเจ้าของไปต่างประเทศ โดยสุนัขและแมวที่ต้องการทำประกันต้องมีอายุระหว่าง 3 เดือน – 9 ปี มีสุขภาพแข็งแรงและมีประวัติการฉีดวัคซีน
นางประณยากล่าวทิ้งท้าย เคทีซีพร้อมมอบสิทธิประโยชน์และประสบการณ์พิเศษให้แก่สมาชิกที่เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัวด้วยการออกแคมเปญ “All About Pet” มอบส่วนลดสูงสุด 30% จากพันธมิตรชั้นนำที่ร่วมรายการกว่า 100 ร้านค้าประกอบด้วย โรงแรมและรีสอร์ตทั่วประเทศ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ร้านค้าสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง บริษัทประกัน และร่วมแบ่งปันความสุขผ่านมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ทั้งนี้มั่นใจว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสำหรับสมาชิกกุล่มคนรักสัตว์เลี้ยงจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2567 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 15%
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon