NER ผู้ถือหุ้นเคาะปันผล 0.34 บาท/หุ้น ออกวอร์แรนท์ NER-W2 แจกในอัตรา 6 :1

1433

มิติหุ้น  –  นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 รับทราบผลการดำเนินงาน ประจำปี 2566 มีปริมาณขาย 497,053 ตัน คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 25,045.17 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 16,259.49 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.92% ของยอดขายรวม และรายได้จากการขายต่างประเทศ 8,785.68 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.08% ของยอดขายรวม ส่วนกำไรสุทธิสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 1,545.60 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.17% ของรายได้จากการขายรวม

โดยที่ประชุมฯยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.34 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 628.25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 92.39 ล้านบาท ที่ได้จ่ายเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 โดยคงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายในครั้งนี้อีกในอัตราหุ้นละ 0.29 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 535.86 ล้านบาท การจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2566 คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 40.65% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 23 เม.ย.2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค. 2567

นอกจากนี้ได้มีการมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (NER-W2) จำนวนไม่เกิน 307,964,958 หุ้น (หน่วย) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 6 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิและราคาใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เท่ากับ 5.50 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิฯ ในวันที่ 23 เมษายน 2567 (Record date) วันออกเสนอขายวันที่ 16 พฤษภาคม 2567

สำหรับวัตถุประสงค์บริษัทมีแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจึงเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการออกและการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (NER-W2) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินทุนการขยายการลงทุนในอนาคตให้กับบริษัท รวมทั้งช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่เข็มแข็งขึ้นเพื่อสร้างความพร้อมสำหรับการดำเนินงานในอนาคต

“สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายยางพาราอยู่ที่ประมาณ 5.1 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 5 – 10% จากยอดขายปี 2566 เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับปรุงโรงงาน และครื่องจักรเดิมให้มีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าใช้งบลงทุนราว 30 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่3 มีกำลังการผลิต 302,400 ตัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 172,800 ตัน คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ” คุณชูวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon