มิติหุ้น – คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ หลังจากที่เราประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับสาขาแรกที่สยาม พารากอนในปี 2565 เราได้เปิดเพิ่มอีก 5 สาขาในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี โดยเปิดสาขาล่าสุดที่ ศูนย์การค้า Emsphere เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา เราได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบชาบูและสุกี้ยากี้ระดับพรีเมียมสไตล์คันไซอย่างล้นหลาม จึงทำให้ทางบริษัทฯ ตัดสินใจเดินหน้าขยายสาขาที่ 7 อย่างต่อเนื่อง ที่ พาราไดซ์ พาร์ค เพื่อรองรับลูกค้าย่านบางนา ศรีนครินทร์ซึ่งเป็นย่านที่มีกำลังซื้อสูง โดยในสาขานี้มีความพิเศษคือนำซุปสูตรพิเศษรังสรรค์จากเชฟแรนดี้ แห่ง Fillets เป็นน้ำซุปที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างตั้งใจ เมื่อรับประทานคู่กันแล้วรับรองว่าเข้ากันอย่างลงตัวสุดๆ และด้วยวัตถุดิบพรีเมียมที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดีเพื่อลูกค้าทุกท่าน ทำให้ทางบริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ติดใจในวัตถุดิบและรสชาติกลับมารับประทาน HITORI SHABU ซ้ำอย่างแน่นอน”
ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป ดำเนินกิจการร้านอาหารรวมทั้งหมด 27 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ Modern Luxury Fine Dining ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น 14 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม รสชาติถูกปากคนไทย 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 7 สาขา โดยภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาร้านอาหารในเครือเพิ่มอีกกว่า 10 สาขา เพื่อรองรับความต้องการของฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ด้านแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนของการยื่นไฟลิ่ง เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 MAGURO มีรายได้รวม 768 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon