หุ้นไทยปิดล่าสุดที่ 1,306.56 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ต่ำสุดของปีและหากย้อนหลังไปถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี 7 เดือนจัดเป็นตลาดหุ้นที่แย่ที่สุดของภูมิภาค และของโลกก็ว่าได้ เพราะดัชนีหลายประเทศกำลังทำนิวไฮ สะท้อนว่าปัจจัยต่างประเทศมีผลเชื่อมโยงกับ SET ลดลง
โดยยังพบว่าช่วง 16-17 วันที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นลบ. ทั้งโปรแกรมเทรด และการทำ Short sell อย่างต่อเนื่อง ถือว่าคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดการขายตั้งแต่ต้นปี YTD ซึ่งต่างชาติขายแล้วมูลค่า 97,581 ลบ.แสดงว่าต่างชาติกำลังไม่มั่นใจปัจจัยอะไรบางอย่างในประเทศหรือไม่?
ซึ่งสัปดาห์นี้(17-21 มิ.ย.67) ต้องยอมรับว่ามี 4 คดีการเมืองที่ร้อนแรงและ เป็นวันเดียวกันทั้ง 4 คดี คือ วันที่ 18 มิ.ย.นี้ นำโดย 1.อัยการนัดนำตัว “ทักษิณ” ส่งฟ้องศาลคดี ม.112 , 2.ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา “คดียุบพรรก้าวไกล”, 3.คดี 40 สว.ยื่นถอดถอน “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” และ 4.ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคำร้อง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า การขายของต่างชาติอย่างต่อเนื่องในรอบนี้เพราะความไม่มั่นใจการเมืองไทยจึงขายเพื่อลดความเสี่ยงส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะคดี นายกเศรษฐา waste case หากไม่ได้ไปต่อมีโอกาส 50 : 50 และพรรคก้าวไกลก็มีโอกาสสูงที่จะถูกยุบพรรคและโอกาสเกิดเกมนอกสภา อย่าไรก็ตาม หากดูสัดส่วนที่ต่างชาติยังถือหุ้นไทยก็ไม่ได้น้อยๆราว 20 ล้านล้านบาท ก็ยังมีโอกาสจะเทขายใส่ต่อหาก ผลตัดสิน “นายกเศรษฐา” ไม่ได้ไปต่อจริงๆ
ดัชนีหุ้นไทย 1,300 มีโอกาสหลุดสูง แนวต้านถัดไปคือ 1,285 จุด และมีโอกาสลงลึกสุด 1,250 จุด ขณะที่ระยะกลาง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยที่แนวรับ 1,255 จุด และ 1,130 จุด
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แรงกดดันทางการเมือง แซงหน้าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น จาก 4 คดีการเมืองดังกล่าวข้างต้น และนำไปสู่ Fund Flow ต่างชาติไหลออกทุกวันช่วง 16 วันที่ผ่านมา ทุกช่องทาง โดยขายผ่าน Program Treading มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท และยัง Short sell อีกมูลค่า 9.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมอย่าง UPTRICK RULE ก็อาจยากที่จะทำให้ SET ยังฝ่าวงล้อมของเรื่องนี้ออกไปได้
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับด้วยว่าเสน่ห์หุ้นไทยเหลือน้อยแล้ว ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเหมือนต่างชาติในระยะนี้ อาทิ หุ้น APPLE จะมีการเปิดตัว Generative AI ในระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด IOS , NVDR ก็มีแผนจะเปิดตัวชิปตัวใหม่ หรือแม้แต่ที่ไต้หวัน TSMC ก็จะมีชิปนาโน2 ส่วนประเทศไทยยังหาไม่เจอ ยกเว้นงบ Q1/67 ที่ผ่านมายังถือว่าทำได้ดี แต่ไตรมาสถัดไปจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตาม สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า โครงสร้างบริษัทในตลาดหุ้นของไทยส่วนใหญ่ยังวนอยู่ในกลุ่มเดิมๆ และยังไม่สามารถต่อยอดไปยังโลกอนาคตได้เลย
สุดท้ายก็ขอฝากการบ้านให้กับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนที่ 14 “อัสสเดช คงสิริ” เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว UPTRICK RULE แม้จะว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนใช้ช่วงนี้ จะไม่ได้สร้างบรรยากาศการลงทนในตลาดหุ้นไทยกลับได้ทันที แต่ก็ควรจะต้องเร่งเดินหน้า เพราะปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้คือ การปิดช่องทางของกลุ่มนักลงทุนบางกลุ่มที่มีความได้เปรียบกว่ารายย่อย และคงจะต้องเสียสละเวลาอย่างหนักหน่วงในการปัดกวาดบ้านให้น่าอยู่ยิ่งกว่านี้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon