กลุ่มเจมาร์ท มั่นใจ Q2/67 โตต่อ ส่วนครึ่งปีหลังมีทิศทางที่เติบโต ชู SG Finance+ เร่งเครื่องเทิร์นอะราวด์ SINGER และ SGC ด้าน JMT ลงทุนเพิ่มครึ่งปีหลัง อีก 2 พันล้าน

175

มิติหุ้น – กลุ่มเจมาร์ท แถลงวิสัยทัศน์ครึ่งปีแรก 67 และทิศทางของธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 ในงาน “Jaymart Group Analyst and Investor Meeting” มั่นใจภาพรวมธุรกิจโตต่อเนื่องทุกไตรมาส โดย JMT มีแนวโน้มเชิงบวก เดินหน้าซื้อหนี้เพิ่มอีก 2,000 ล้าน มุ่งแผนการจัดการให้ ECL ลดลง ด้าน JAS JASSET (J) เตรียมเปิดโครงการใหม่ 28 มิถุนายนนี้ และมั่นใจ SINGER และ SGC มี Business Model ใหม่ Locked Phone สร้าง  High Return ด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและสามารถสเกลได้ ที่สำคัญคือ NPL ต่ำ หนุนภาพทั้งกลุ่มกลับมาแข็งแรง ส่วน Jaymart Mobile เตรียมรับไฮซีซั่นขายมือถือ รับเทรนด์ AI พ่วงบริการสินเชื่อกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมสนับสนุนพันธมิตร สุกี้ตี๋น้อย เดินหน้า IPO ปูพรมขยายสาขาครอบคลุมหัวเมืองในต่างจังหวัด หนุนปีนี้เติบโตต่อเนื่อง

โดย นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) พร้อมด้วย นายปิยะ พงษ์อัชฌา นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ และ นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำทีมผู้บริหารในกลุ่ม นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J) นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) พร้อมด้วย นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC)
นายดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด (Jaymart Mobile) และ
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด (J Ventures) และ นาย ฮยอน วู โน (Mr. Hyunwoo Noh) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด ร่วมสร้างความเชื่อมั่น ย้ำธุรกิจพื้นฐานยังแข็งแกร่ง แม้ปัจจัยสภาวะตลาดหุ้นผันผวน พร้อมสร้างการเติบโตตามแผนเทิร์นอะราวด์

ด้านธุรกิจบริหารหนี้โดย บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT)  ภาพรวมไตรมาส 2/2567 ยังจัดเก็บกระแสเงินสดได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานะการณ์เศรษฐกิจบ้าง ซึ่งเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ดันแผนการลดผลขาดทุนทางด้านเครดิต (Expected Credit Loss: ECL) ให้ลดลงด้วยการตามหนี้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้า และการเจรจากับลูกค้าให้ลึกมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่า ECL จะทยอยลดอย่างต่อเนื่อง และคาดจะเห็นผลยอดจัดเก็บ (Cash Collection) กลับเข้ามาภายหลังจากการติดตามอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง และดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ย้ำยังคงผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพภาคเอกชนรายใหญ่ของประเทศ

ขณะที่สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ JMT จึงมีแนวทางในการพัฒนาแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นใหม่ “Baan Baan” (บ้าน บ้าน) แพลตฟอร์มสุดล้ำที่รวมทรัพย์มากกว่า 2,000 รายการ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหา ทรัพย์เด่นทำเลทอง ซึ่งได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้การขายออกไปสู่สาธารณะเป็นเรื่องง่ายขึ้น และมองโอกาสจากการทำเช่าซื้อของบริษัทเอง รวมทั้ง เพื่อแก้ปัญหาการชำระหนี้ของลูกค้าที่ลดลงและล่าช้าออกไป ผ่านแอปพลิเคชั่น Jaii-Dee (จ่ายดี) ให้ลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ยังสอดคล้องไปกับข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศข้อมูลหนี้เสียในระบบออกมา จึงตั้งเป้างบซื้อหนี้ในครึ่งปีหลัง 2,000 ล้านบาท ในกลุ่มหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน อาทิ กลุ่มบัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล ด้วย Yield IRR 12% จาก ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 JMT มีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่ 523,161 ล้านบาท (รวม JK AMC)  มั่นใจ JMT ยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งได้

ด้าน สุกี้ตี๋น้อย ภายใต้ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (JMART ถือหุ้นสัดส่วน 30%)  คาดมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง คาดกำไรปีนี้เติบโตจากปี 2566 มีกำไรอยู่ที่ 913 ล้านบาท จากการขยายสาขาทำได้ตามที่วางไว้ ยอดขาย และกำไรส่งกลับมาให้เจมาร์ทอย่างน่าประทับใจ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยในเดือนมิถุนายน สุกี้ตี๋น้อยมีจำนวนสาขา 67 แห่ง ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และการขยายไปหัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น คาดทั้งปีมี 79 สาขา นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเติม

ขณะที่ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J)  ปักธงเดินหน้าสยายปีกคอมมูนิตี้มอลล์ต่อเนื่อง ผลักดันปี 67 กำไรทำนิวไฮใหม่ จากปัจจุบันมีศูนย์การค้าชุมชนแล้ว 7 สาขา และคาดเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาตามแผน ปักหมุดเปิดโครงการใหม่ JAS Green Village Prawet ในวันที่ 28 มิถุนายน นี้ ในทำเลที่เป็นจุดศูนย์กลาง ใกล้ชุมชน โรงเรียน และออฟฟิศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘GREEN SPACE FOR ALL’ เติมเต็มพอร์ตรายได้ของบริษัทฯ และโปรเจกต์ถัดไป JAS Green Village Ramkhamhaeng ในรูปแบบมิกซ์ยูสออฟฟิศบิลดิ้ง คาดเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/67 วันที่ 20 กันยายนนี้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่องในทุกไตรมาส ด้านธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Senera Senior Wellness ปัจจุบันมี 2 โครงการ ที่ JAS Green Village คู้บอน และบางบัวทอง จะเป็น Key Driver สร้างฐานกำไรที่ยั่งยืนต่อไป

ด้านโปรเจกต์ใหม่ของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) หลังประกาศเปิดตัว SG Finance+ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ทิศทางไปได้สวย พร้อมเดินหน้ารุกตลาดสินเชื่อสมาร์ทโฟนทั่วประเทศ เฟสแรกจับมือสมาร์ทโฟน 3 แบรนด์ชั้นนำ ประกอบด้วย Xiaomi Oppo Vivo ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์ตลาดมือถือในประเทศไทยรวมกันประมาณ 47% สะท้อนตลาดที่ใหญ่ โดยสมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาท จำนวนสัญญา 12 – 24 เดือน การขอสินเชื่อ และยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์ม ใช้เวลาอนุมัติเพียง 3 นาที โดยในเดือนพฤษภาคม 67 มีพันธมิตรร้านค้าทั่วประเทศราว 2,100 แห่ง ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 8,200 สัญญา มียอดจัดเก็บ Cash Collection สูงถึง 98% ของพอร์ตรวม ทำให้คุม NPL ในระดับต่ำกว่า 1% ตามที่วางไว้ และกำลังเดินหน้าจับมือพันธมิตรแบรนด์ใหม่เข้ามาเติมพอร์ต และคาดในเดือนธันวาคมนี้จะมีพันธมิตรร้านค้าเพิ่มเป็น 5,000 แห่ง ปล่อยสินเชื่อได้แตะ 100,000 สัญญา/เดือน หรือตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายใต้สัญญาทั้งหมด 300,000 สัญญา จากยอดปล่อยสินเชื่อรวมปี 67 คาดว่าจะทำได้ราว 5,000 – 6,000 ล้านบาท

ด้าน บริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจแกนของเจมาร์ท มองโอกาสจากตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจัดจำหน่ายประมาณ 10-12 ล้านเครื่อง โดยแบรนด์ Samsung มีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 27% iPhone 12.2% และแอนดรอยด์ ภายใต้แบรนด์ Xiaomi Oppo Vivo มีมาร์เก็ตแชร์รวมกันประมาณ 47% สะท้อนโอกาสปีนี้ Jaymart Mobile จะเติบโตด้วยบริการที่ครบวงจร มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเสริมทัพ (Financial Destination) จากแคมเปญ Locked Phone ทั้งสินเชื่อ Samsung Finance+ บริหารโดย KBJ และ SG Finance+ โดย SGC

อย่างไรก็ดี ภาพรวมแบรนด์ชั้นนำได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในหลากหลายโมเดล ด้วยเทคโนโลยี AI เข้ามากระตุ้นกำลังซื้อและการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เร็วขึ้น รวมทั้ง การแกรนด์โอเพนนิ่งของสินค้าใหม่แบรนด์ Apple เปิดตัว iPad Pro ชิพ M4, iPad Air และ Apple pencil pro จึงน่าจับตามองในครึ่งปีหลังจะเป็นไฮไลท์การเติบโตของตลาด iPhone และ Smartphone ในเมืองไทยให้คึกคักกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับบริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด (J Ventures)  ผู้พัฒนา ‘JFIN Chain’ บล็อกเชนเพื่อธุรกิจ และแกนนำในการทำ Transformation ในเครือเจมาร์ท กำลังพัฒนา Jaymart Gen2 ภายใต้โครงการ COE (Center of Excellence) อาทิ J POINT ที่ใช้กับสุกี้ตี๋น้อย รวมทั้ง J Wallet โดยบริษัท เจ อีลิท จำกัด กลไกแลกพอยท์กันผ่านการ Internal Synergy ที่ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี มีคนใช้พอยท์ประมาณ 450,000 คน มีพอยท์ในระบบประมาณ 100 ล้านพอยท์ และตั้งเป้าสร้างยอดขายที่เกิดขึ้นในกลุ่มเจมาร์ทราว 2,070 ล้านบาท และมี member ใช้พอยท์แตะ 1 ล้านคนในปีสิ้นนี้ ควบคู่การให้ความสำคัญกับการใช้ Data Driven ในการทำ CDP (Customer Data Platform) ทำการตลาด สร้าง Business Impact เข้ามาในเครือในอนาคคต และกำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม Insure Tech และ Comm Tech เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่แข็งแรงที่สุดบริษัทหนึ่งในประเทศไทย พร้อมรับโอกาสในอนาคต

นายอดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “เรามองหาโอกาส เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ หลังเคลียร์ปัญหาการตั้งสำรองก้อนใหญ่ของ SINGER และ SGC ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 และไตรมาส 1/67 เราพบโอกาสจาก New Business Model ถ้าให้ผมมองไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้จะแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ไตรมาส ด้วยปัจจัยบวก สามารถแก้ Pain Point จากธุรกิจ SINGER SGC ที่ตั้งสำรองในระดับสูง เราหาธุรกิจที่ให้ Yield สูง ใช้เทคโนโลยีที่สามารถสเกลได้ ด้วยคุณภาพ NPL ที่ดี ผมคิดว่าเราเจอ Business Model นี้แล้ว

โดย KBJ ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลจากประเทศเกาหลีใต้ในประเทศไทย ภายใต้บริษัทร่วมทุนของ KB Kookmin Card และ Jaymart Group มีการเติบโตอย่างน่าสนใจในการปล่อยสินเชื่อ SAMSUNG Finance+ ในแบรนด์ SAMSUNG ด้วยเทคโนโลยี Locked Phone เป็น Milestone แรกที่ทำให้ KBJ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการเปิดตัวโครงการ สนับสนุนภาพรวม NPL ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนธุรกิจที่สเกลได้ และความเสี่ยงต่ำ จึงมองว่า SG Finance+ จะเป็นโอกาสของ SINGER และ SGC ที่จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ ภายใต้พอร์ตที่มีคุณภาพมากขึ้น และมั่นใจภาพรวม JMART จะเติบโตในทุกไตรมาส คาดครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เดินหน้าผลักดันบริษัทฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามแผนเดิม โดยมุ่งเน้น ธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon