KBANK กำไรไตรมาส 2/67 ดีกว่าคาด, EPS จะเติบโตดีช่วง 3 ปีนี้ แนะนำ “ซื้อ”

มิติหุ้น  –  ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า KBANK ทำกำไรสุทธิได้ 1.27 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้น 15.1% yoy แต่ลดลง 6.2% qoq  สูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาด 6% โดย KBANK มีกำไรก่อนตั้งสำรอง 2.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% yoy และลดลง 3.1% qoq ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมโต 1.6% yoy และ 1.1% qoq และเพิ่มขึ้น 0.1% จากสิ้นปี 66 ผลจากกลยุทธ์ของธนาคารที่เน้นคุณภาพ

KBANK มีอัตราส่วน NPL ลดลงเล็กน้อยมาที่ 3.72% ในไตรมาส 2/67 เทียบจาก 3.79% ในไตรมาส 1/67 ส่งผลให้มีอัตราการสำรองหนี้สูญทรงตัว qoq ที่ 189bp รวมทั้งทำให้อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 141% จาก 139% ในไตรมาส 1/67

ไตรมาส 2/67  KBANK มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 2.1% yoy แต่ลดลง 2.8% qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ลดลงมาที่ 3.73% จาก 3.82% ในไตรมาส 1/67 เพราะอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อลดลง qoq แต่ต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 14% yoy และ 11.5% qoq เนื่องจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น qoq ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิโต 4.7% yoy แต่ลดลง 2.7% qoq

KBANK มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในไตรมาส 2/67 เพิ่มเป็น 43.4% จาก 41.3% ในไตรมาส 1/67  ซึ่งมาจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด, เงินช่วยเหลือพนักงานซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและค่าใช้จ่ายด้านไอทีผู้บริหารของ KBANK กล่าวระหว่างการประชุมนักวิเคราะห์ (วันที่ 19 ก.ค.67) ว่า ธนาคารจะเคลียร์งบดุลให้เสร็จภายในปีนี้ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งคงอัตราการสำรองหนี้สูญไว้ตามแนวทางที่ให้ไว้ คือ  NPL ต่ำกว่า 3.25% และสำรองหนี้สูญที่ 175-195bp ในปีนี้ และยังเผยว่า ยอดขาย NPL และยอดตัดหนี้สูญในปีนี้จะมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดรวมในปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ เทียบกับ 3.08 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปีนี้

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 178 บาท (P/BV 0.74 เท่า ในปี 67 ) เพราะเชื่อว่า KBANK จะมี EPS เติบโตดีในอัตรา 9.5-12.2% ในปี 67-69  จากอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง ทั้งนี้ KBANK อาจมี downside risk หากสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินเชื่อ SME มี NPL พุ่งสูงขึ้น, ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างมีนัยสำคัญและสถานการณ์การเมืองไทยไม่แน่นอน